วัดเก่าแก่ ขอนแก่น วัดดังเก่าแก่ที่น่าเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นอันดับที่1 วัดป่าแสงอรุณ
วัดเก่าแก่ ขอนแก่น วัดป่าแสงอรุณตั้งวัดเมื่อ พุทธศักราช 2473 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาตอนวันที่ 16 เดือนตุลาคม พุทธศักราช 2528 เดิมเรียกว่า เที่ยวขอนแก่น 2564 วัดป่าพระเป็น เนื่องจากพระคุณครูหัวหน้าสร้าง ย้ายมาจากดอนปู่ตา (วัดสมศรี) ทั้งยังได้รับการช่วยเหลือจากราษฎรพระเป็นมาก่อน ได้เรียกชื่อวัดทีแรกว่า วัดป่าอรุโณ ถัดมาท่านเจ้าคุณพระระเบียบเพราะเมธี (พระราชสุเมธี) วัดศรีจันทร์ สมัยก่อนหัวหน้าคณะสงฆ์จังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุติกนิกาย) ได้แปลงชื่อมาเป็น “วัดป่าแสงอรุณ”1
รอบๆวัดมีลักษณะเป็นเนินสูง จากด้านทิศเหนือราบลุ่มลงไปด้านทิศใต้รวมทั้งพื้นที่ส่วนหนึ่งก็เป็นหลุม เป็นบ่อ มีไผ่ป่ารวมทั้งต้นหญ้าค้างขึ้นหนาแน่น ส่วนรอบๆที่สงฆ์อาศัย มีไม้ยืนต้นที่สำคัญ ยกตัวอย่างเช่น มะค่าแต้ ตะโก ตะหาม ประดู่ สะเดา ไม้จิก ไม้แดง ต้นปีบ วัด ขอนแก่น บันได ฯลฯ
ตึกเสนาสนะที่สำคัญหมายถึงสิมอีสาน เป็นสิมที่มีสถาปัตยกรรมแบบอีสานตอนบนประสมประสานกับสถาปัตยกรรมศูนย์กลาง สิมมีความกว้าง 15 เมตร ความยาว 35 เมตร สูงจากพื้นดินเดิม 62 เมตร มีเสา 52 ต้น หน้าต่าง 14 บาน รวมทั้งประตู 3 บาน หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ดปลาแบบโบราณ
และก็มีหอระฆัง 4 หอ ล้อมด้วยกำแพงแก้ว ด้านในสิมติดตั้งพระประธานเป็นพระพุทธรังสิโยภาสสุขพิพัฒน์ เป็นพุทธรูปปางสะดุ้งมาร (ปางมารวิชิต) องค์พระมีขนาดหน้าตักกว้าง 69 นิ้ว สูง 2 เมตรเศษ2 ศาลาการเปรียญ 2 ชั้น หอระฆัง วิหาร มีศาลาสารพัดประโยชน์ เมรุ ศาลาบำเพ็ญบุญ ป่าช้า ศาลาผู้ปฏิบัติธรรม โรงครัว ฯลฯ
วัดเก่าแก่ ขอนแก่น วัดดังเก่าแก่ที่น่าเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นอันดับที่2 วัดพระพุทธบาทภูพานคำ
เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง แล้วก็หลวงพ่อพระใหญ่ พระพุทธอุตรมหามงคลอุบลรัตน์ องค์สีขาว ราษฎรก็เลยนิยมเรียกกันว่า หลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อภูพานคำ ติดตั้งอยู่บนฐานดอกบัวสีชมพู ความสูงขององค์พระ 14 เมตร สร้างเสร็จเมื่อปีพุทธศักราช 2514
แม้กระนั้นสิ่งที่ค่อนจะเป็นจุดทดสอบของผู้เลื่อมใสอยู่ไม่น้อย ซึ่งก็คือ บันไดพญานาค 1,049 ขั้น ที่เพียงแค่ยืนมองดูจากด้านล่างก็จะมองเห็นหลวงพ่อองค์ใหญ่อยู่ไกลๆแต่ว่าถ้าหากคนใดไม่สามารถที่จะจริงๆก็ไม่ต้องกลัว วัดบนเขาขอนแก่น สามารถขับขี่รถยนต์ขึ้นไปถึงยอดดอยก็ได้แบบเดียวกัน โดยจะมีป้ายรอบอกทางขึ้นไปบน แม้กระนั้นทางออกจะลาดชัน รวมทั้งลดเลี้ยว ควรจะขับขี่รถด้วยความรอบคอบ แล้วก็แน่ๆเมื่อถึงข้างบนก็จะได้ดูทิวทัศน์ 360 องศาอย่างเต็มตา
นปีปี พุทธศักราช 2492 พระอาจารย์บุญ ปัญญาวุฑโฒ และพระภิกษุสงฆ์ 4 รูป ได้ออกเดินธุดงค์ผ่านมายังบริเวณนี้ มีความเห็นว่าเป็นสถานที่เงียบสงบก็เลยได้พักบำเพ็ญมุมานะภาวนา และก็เจอกับหนองน้ำที่มีลักษณะเหมือนรอยตีนมนุษย์ แต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่า ก็เลยมีความคิดกันว่าน่าจะเป็นรอยรอยพระบาท
เมื่อประชาชนรู้ข่าวสารก็พากันมากมายราบไหว้ รวมทั้งสร้างวัดมอบให้สืบมาถึงวันนี้ ปัจจุบันนี้ จะมีราษฎรทั้งยังในจังหวัดขอนแก่น รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงนิยมมาร่วมทำบุญใส่บาตรเทโอ้อวด เนื่องในวันออกพรรษาของทุกปี
วัดเก่าแก่ขอนแก่น วัดดังเก่าแก่ที่น่าเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นอันดับที่3 พระธาตุขามแก่น
พระธาตูขามแก่น เดิมเรียกพระบรมสารีริกธาตุบ้านขาม ไม่มีเรื่องราวหรือจารึกเจาะจงการสร้าง ถัดมาพระราชสารธรรมมุนี (กัณหา ปภสฺสโร) เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นได้ได้โอกาสไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ก็เลยดำริว่าจังหวัดขอนแก่นจะต้องมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดบ้าง ก็เลยได้สืบหากระทั่งเจอพระบรมธาตุบ้านขาม ที่บ้านขามธาตุใหญ่ รวมทั้งได้แสวงหาประวัติความเป็นมาก็ไม่เจอ
ก็เลยให้คนเฒ่าคนแก่เล่าประวัติความเป็นมาแล้วเรียบเรียงใหม่ มีหลายสำนวน ตำนานพระบรมธาตุขามแก่นเดี๋ยวนี้เป็นสำนวนของนายควร พละกล้า เรียบเรียง เพราะว่าคณะกรรมการตรวจตราแล้วมีความเห็นว่ามีความน่าวางใจ พุทธศักราช 2498 – 2499 พระราชสารธรรมมุนี (กัณหา ปภสฺสโร) ได้ทำซ่อมพระบรมสารีริกธาตุบ้านขาม แปลงยอดเดิมที่เป็นไม้เป็นฉัตรโลหะ รวมทั้งเปลี่ยนแปลงชื่อจากพระบรมสารีริกธาตุบ้านขามเป็นพระบรมสารีริกธาตุขามแก่น วัดร่องขอนแก่น
รวมทั้งวัดบ้านขามเป็นวัดเจติยภูมิ และก็มีการรณรงค์ให้ชื่อเมืองขอนแก่นฟั่นเฟือนมาจากเมืองขามแก่น ซึ่งจากการเล่าเรียนเอกสารต่างๆของประมวล พิมพ์เสน ไม่เคยมีคำว่าเมืองขามแก่น มีเพียงแค่ชื่อเมืองขอรแก่น, ขรแก่น, ขรแกน, และก็ขอนแก่น ด้วยเหตุนั้นชื่อเมืองขอนแก่นคงจะน่าเชื่อถือว่าแต่ว่าแต่เดิมชื่อเมืองขอนแก่นอยู่แล้ว มิได้บ้ามาจากขามแก่นอะไร
นับจากการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพระพุทธ ในวันขึ้น 15 เย็น เดือน 6 เมื่อพระราชทานเพลิงศพเสร็จ แล้ว พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกนำไปติดตั้งเอาไว้ภายในที่ต่างๆเป็น พระพระบรมสารีริกธาตุกระโยงหัว (กะโหลกศีรษะ) ฆะฏิการพระพรหมนำไปไว้บนที่อยู่, พระบรมธาตุเขี้ยวหมากงอแง (พระเขี้ยวแก้ว) พระอินทร์นำไปไว้บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์, พระบรมธาตุกระดูกด้ามมีด (พระรากขวัญ) พญานาคนำไปไว้เมืองบาดาล
คราวถัดไปโมริยกษัตริย์เจ้านครโนรีย์ (อยู่ในประเทศเขมรปัจจุบันนี้) รู้ข่าวสารวันหลังเนื่องจากว่าอยู่ไกลห่างแล้วก็เดินทางช้า ก็เลยได้แม้กระนั้นพระวันอังคารธาตุ (ฝุ่นผง) แล้วก็ค่อยนำไปไว้ที่นครของตัวเอง ราวๆพ.ศ.ล่วงมาได้ 3 ปี พระมหากัสสปะเถระเจ้า พร้อมอรหันต์ 500 องค์ นำเอาพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก)
ไปตั้งไว้ภูเขากำพร้า (พระบรมธาตุพนมในขณะนี้) พระยาข้างหลังเขียว โมริยกษัตริย์ แล้วก็อรหันต์ยอดแก้ว, พระอรหันต์รังษี , พระอรหันต์คันที และไม่ปรากฏชื่ออีก 6 องค์ ก็เลยเดินทางพร้อมเชิญเอาพระวันอังคารธาตุเพื่อไปใส่เอาไว้ภายในพระบรมธาตุพนมด้วย กลางทางได้มาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง (ที่ตั้งของพระบรมสารีริกธาตุขามแก่นในตอนนี้) มีพื้นที่ดอนราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบดอน รวมทั้งมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแค่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง
ตอนนั้นตรงเวลาเวลาค่ำพอดิบพอดี ประกอบกับพื้นที่มีความเหมาะสมก็เลยได้ค้างแรมตรงนี้ แล้วก็นำเอาพระวันอังคารธาตุไปวางพักไว้บนแก่นของต้นมะขามที่ตายแล้วดังกล่าวมาแล้วข้างต้น พอเพียงรุ่งอรุณทั้งยังภาควิชาก็เดินทางมุ่งไปสู่สถานที่ทำการก่อสร้างพระบรมธาตุพนมถัดไป
พอเพียงไปถึงปรากฏว่าพระบรมสารีริกธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว ไม่อาจจะนำพระวันอังคารธาตุใส่ลงไปได้อีก ก็เลยจำเป็นต้องนำเอาพระวันอังคารธาตุนั้นกลับตามทางเดิม อย่างตั้งใจว่าจะนำกลับไปไว้ที่นครของตัวเองดังที่เคย เมื่อมาถึงดอนมะขามซึ่งเคยเป็นที่ค้างแรม ครั้งกระโน้น ได้มองเห็นต้นมะขามใหญ่ที่ตายเหลือแค่แก่นนั้นกลับผลิตดอก ให้ผล แตกกิ่งก้านสาขามีใบเขียวขจีดูดูดียิ่งนัก จะเป็นด้วยเทพเจ้าเสแสร้งนิมิต
หรือด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของพระวันอังคารธาตุก็ไม่บางทีอาจทราบได้ มองเห็นเป็นแปลกแบบนั้นก็เลย พร้อมก่อสร้างพระบรมธาตุครอบต้นมะขาม แล้วก็ใส่พระวันอังคารธาตุของพระผู้เป็นเจ้าไว้ในด้วย โดยมีรูปลักษณะตามที่พวกเรามองเห็น อยู่ในทุกวันนี้ ก็เลย เรียกชื่อพระบรมธาตุนี้ว่า “พระธาตุขามแก่น”
วัดเก่าแก่ขอนแก่น วัดดังเก่าแก่ที่น่าเที่ยวในจังหวัดขอนแก่นอันดับที่4 พระมหาธาตุแก่นนคร
วัดหนองแวง เดิมชื่อวัดเหนือ ตั้งเมื่อปี พุทธศักราช 2332 พร้อมทั้งวัดกึ่งกลาง และก็วัดธาตุ โดยท้าวเพียเมืองแพน เจ้าผู้ครองเมืองคนแรกในบ้านบึงบอน (บ่อน้ำแก่นนคร) พุทธศักราช 2354 ท้าวจามมุตร ด้านหลังเพียเมืองแพน เจ้าผู้ครองนครผู้ที่ 2 ได้ย้ายเมืองไปอยู่บ้านดอนพันชาติ เขตเมืองมหาสารคาม (บ้านโนนเมือง ตำบลแพง อำเภอโกสุมวิสัย จังหวัดมหาสารคาม) บ้านบึงบอนก็เลยแปลงเป็นเมืองเก่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัดในขอนแก่น ให้อาหารปลา
ตอนนี้ตั้งอยู่ เลขที่ 593 ถนนหนทางกลางเมือง ตำบลในเมือง อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ได้รับพระราชทานวิสุงติดอยู่มสีมาคราวแรก เมื่อปี พุทธศักราช 2442 โดยพระยานครศรีบริรักษ์ (อู๋) รวมทั้งได้รับพระราชทานวิสุงค้างมสีมาหนสุดท้าย ตอนวันที่ 27 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2527 เขตวิสุงติดอยู่มสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร มีพื้นที่ดินที่ตั้งวัด 26 ไร่ 65 ตารางวา โดยมีหนังสือแสดงเจ้าของเป็นโฉนด 713 เลขที่ 28 หน้าตรวจสอบ 794 เล่มที่ 8 หน้า 13
ลักษณะพื้นที่ตั้งวัดรวมทั้งรอบๆรอบๆเป็นที่ราบเรียบ เป็นลักษณะทรงหกเหลี่ยม มีหมู่บ้านล้อมสามด้าน แล้วก็มีบึงแก่นนครอยู่ทางทิศตะวันออกของสงฆ์ เคยได้รับรางวัลเป็นวัดปรับปรุงแบบอย่าง ปี พุทธศักราช 2524 เป็นวัดปรับปรุงดีเด่น ปี พุทธศักราช 2526 แล้วก็ทรงพระขอความกรุณาปรานีโปรดเกล้าฯ เลื่อนฐานะขึ้นเป็นวัดหลวง ปี พุทธศักราช 2527
ชั้นที่ 1 เมื่อเดินขึ้นข้างในพระบรมธาตุรอบๆชั้นแรกเป็นห้องประชุม มีพระบรมสารีริกธาตุตั้งอยู่บนที่นั่ง และก็พระประธาน 3 องค์อยู่กึ่งกลาง ท่านจะเจอกับที่ตั้งพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) รวมทั้งพระบรมสารีริกธาตุของพระสาวกราว 100 องค์ ที่ใส่อยู่ในโถแก้ว จะอยู่ในตู้ที่ทำจากกระจกทางด้านซ้ายมือของที่ตั้งพระบรมสารีริกธาตุพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต่อจากโถงกึ่งกลางมาด้านซ้ายมือราวๆสองเมตร จะเป็นโต๊ะที่ตระเตรียมไว้สำหรับใส่บาตร ที่เรียกว่า “ใส่บาตร 108” โดยใช้เหรียญสำหรับเพื่อการใส่บาตรนั้น ดังนี้มั่นใจว่าถ้าเกิดคนไหนได้ใส่บาตร ซึ่งสมมุติว่าเป็นตัวแทนพระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกทั้ง 108 องค์ รวมทั้งจะเกิดความเป็นมงคลแก่ตัวเองและก็ครอบครัว เมื่อเดินตรงไปจะมองเห็นพระทุกวันเกิดที่ดินวัดเอามาติดตั้งไว้
เพื่อชาวพุทธรวมทั้งนักเดินทางได้สักการพุทธรูปทุกวันเกิดของตัวเอง เพื่อความเป็นมงคลต่อตัวเอง แล้วก็เมื่อบูชาพระทุกวันเกิดเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากคนใดกันแน่ต้องการจะพยากรณ์ชะตากรรมด้วยตัวเอง ก็สามารถเสี่ยงเซียมซี หรือชูช้างทองสัมฤทธิ์ เพื่อเสี่ยงทายว่าจะสมดังใจหวังหรือเปล่า
ชั้นที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑสถานของชาวอีสาน โดยเก็บรวบรวมสิ่งของในสมัยก่อนที่ออกจะหาดูได้ยากในตอนนี้ และมีการวาดลวดลายบนฝาผนังที่เกี่ยวกับข้อที่ไม่อนุญาตของคนอีสาน ที่เรียกว่า “ค่ะลำ” ซึ่งเป็นแถวกระทำตัวสำหรับในการอยู่ร่วมกันของชาวอีสาน โดยแต่ละภาพก็ซึ่งก็คือข้อกำหนดแต่ละข้อ ซึ่งมีทั้งหมดทั้งปวง 35 ข้อ
ชั้นที่ 3 เป็นหอปริยัติ บานประตูหน้าต่างเขียนลวดลายเครื่องเบญจรงค์แล้วก็ภาพแกะสลักนิทานเรื่องนางผมหอม เป็นนิทานที่ได้เล่าสืบต่อกันมาแม้กระนั้นโบราณของชาวอีสาน รวมทั้งในชั้นลำดับที่สามนี้ได้สะสมตาลิปัตร พัดยศ รวมทั้งเครื่องสมณบริขารของพระสงฆ์ที่มีชื่อในจังหวัดขอนแก่น
ชั้นที่ 4 เป็นหอปริยัติธรรม ด้านในมีพิพิธภัณฑสถานที่เก็บของโบราณ บานประตูหน้าต่าง ภาพพระทุกวันเกิด เทวดาประจำด้าน
ชั้นที่ 5 เป็นหอพักพิพิธภัณฑสถาน มีบริขารของหลวงปู่พระครูปลัดบุปผา สุมโน สมัยก่อนเจ้าอาวาสวัด บานประตูหน้าต่างแกะสลักภาพพุทธชาดก
ชั้นที่ 6 เป็นหอพระอุปัชฌาจารย์ บานประตูหน้าต่างสลักนิทานชาดกเรื่องพระเวสสันดร
ชั้นที่ 7 เป็นหออรหันต์สาวก บานประตูหน้าต่างสลักนิทานเรื่องพระเตมีย์ใบ้
ชั้นที่ 8 เป็นหอพระธรรม เป็นที่เก็บพระธรรมคู่มือสำคัญทางพุทธศาสนา มีพระไตรปิฏก บานประตูแกะสลักรูปพระพรหม 16 ชั้น
ชั้นที่ 9 เป็นหอพักพระพุทธ กึ่งกลางมีที่ประทับ เป็นที่ใส่พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บานประตูสลักภาพ 3 มิติ รูปพระพรหม 16 ชั้น รวมทั้งสามารถดูทิวภาพของเมืองขอนแก่นได้อีกทั้ง 4 ด้าน โดยยิ่งไปกว่านั้นทางด้านทิศตะวันออกสามารถแลเห็นวิวของสระแก่นนครที่สวย
บทความหวยอื่น>>> วัดเก่าแก่ พิษณุโลก
อ่านบทความการ์ตูน>>> มังงะ
แทงบอลออนไลน์ที่นี่>>> แทงบอล