วัดเก่าแก่ พิษณุโลก วัดดังที่ดีที่สุดเก่าแก่ที่สุดและบรรยากาศดีที่สุดอันดับ1 วัดจุฬามณี
วัดเก่าแก่ พิษณุโลก วัดจุฬามณีเดิมมีชื่อเรียกว่า วัดแม่เจ้าทิพย์ สร้างมาแม้กระนั้นรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สันนิษฐานว่าทำขึ้นระหว่างปี พุทธศักราช 2172–2190 ตามประวัติความเป็นมาว่าท่านท้าวแก้วผลึก (น้อย) ลูกหญิงคนหนึ่งของท่านพลายซึ่งเป็นนายตลาดบางช้าง มีบทบาทเก็บภาษีอากรขนอนตลาด ต้นวงศ์ราชนิกูลบางช้าง เป็นผู้สร้าง1
ในตอนการศึกกรุงศรีอยุธยากับประเทศพม่า ท่านนาค (ถัดมาได้รับแต่งตั้งเป็นสมเด็จพระอมรินรู้รมราชินี) พระอัครชายาเดิมในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขณะทรงท้องแก่ ได้ซ่อนตัวประเทศพม่าอยู่ในป่าทึบข้างหลังวัดจุฬามณี ถัดมาได้มีเกิดการท่านฉิม (พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) คาดว่าสถานที่ประสูติคงจะใกล้ต้นจันทน์อันเป็นนิวาสถานที่ข้างหลังเก่าของท่านคนมั่งมีทองคำ โบราณสถาน พิษณุโลก
ทั้งสมเด็จพระเจ้าพี่นางคุณ เจ้าฟ้ากรมพระศรีสุดารักษ์ (แก้ว) พระพี่นางองค์ที่ 2 ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ก็ได้ลี้ภัยเมียนมาร์มาอาศัยอยู่กับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชด้วย กำลังอยู่ในระหว่างทรงพระท้องแก่รวมทั้งได้มีพระคลอดการพระลูกสาวในป่าข้างหลังวัดจุฬามณีด้วยเช่นเดียวกัน เป็นสมเด็จพระศรีสุริเยนรู้รมราชินี
วัดจุฬามณีเคยก้าวหน้าในยุคท่านพระอธิการเนียมเป็นเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 ท่านตั้งสถานที่เรียนสอนหนังสือไทยรวมทั้งหนังสือเขมรขึ้นใน วัดจุฬามณี เมื่อหมดท่านไปเสียแล้วในราวปี พุทธศักราช 2459 วัดอยู่ในภาวะแทบเป็นวัดร้าง มีพระจำพรรษาอยู่เพียงแค่ไม่กี่รูป
จนกระทั่งวัดย่อยสลายเสื่อมโทรมเสื่อมโทรมเสียเป็นส่วนมาก กำนันตำบลปากง่าม (เดี๋ยวนี้เป็นตำบลบางช้าง) ขอนิมนต์พระคุณครูแช่ม โสฬส ซึ่งเป็นพระลูกวัดจำพรรษาอยู่ในวัดบางกะพ้อม มาดูแลวัดให้ก้าวหน้า
ในยุคหลวงพ่อแช่ม ท่านได้เริ่มก่อสร้างเสนาสนะพระสงฆ์รวมทั้งสร้างศาลาการเปรียญตราบจนกระทั่งเสร็จสิ้นสมบูรณ์เมื่อปี พุทธศักราช 2463 ต่อจากนั้นพระเนื่อง โกวิโท ให้ขึ้นครอบครองตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อไป ซึ่งถัดมาก็คือพระครูโกวิทสมุทรคุณ (เนื่อง โกวิโท)
จนถึงช่วงวันที่ 23 เดือนพฤษภาคม พุทธศักราช 2510 หลวงพ่อเนื่องสร้างโบสถ์ข้างหลังใหม่แทนข้างหลังเก่าที่ทรุดโทรม ภายหลังพระคุณครูอิฏฐ์ ภทฺทจาโร ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดจุฬามณีด้วยวัยเพียงแต่ 32 ปี ท่านได้สร้างโบสถ์ของหลวงพ่อเนื่องที่ยังค้างอยู่ ปูพื้นโบสถ์ข้างบนสุดที่ยังค้างอยู่ด้วยหินหยก จากการาจี ประเทศปากีสถาน กระทั่งเสร็จ
วัดเก่าแก่ พิษณุโลก วัดดังที่ดีที่สุดเก่าแก่ที่สุดและบรรยากาศดีที่สุดอันดับ2 วัดราชบูรณะ
วัดราชบูรณะ เดี๋ยวนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองพิษณุโลก ติดฝั่งแม่น้ำน่าน เยื้องกับวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ตรงกันข้ามกับวัดนางพญา โดยมีถนนหนทางมิตรภาพตัดผ่ากลาง ทำให้วัดอยู่คนละฝั่งถนนหนทาง ไม่ปรากฏหลักฐานการก่อสร้างว่า เริ่มทำขึ้นหนแรกในยุคใด เสนอ นิลบารมี ได้เขียนเรื่องวัดราชบูรณะแซม เอาไว้ในหนังสือสองแควเมื่อวานนี้พิษณุโลกวันนี้ว่า “วัดราชบูรณะ
เป็นวัดโบราณโบราณวัดหนึ่งรู้เรื่องว่าน่าจะแก่ถึงยุคจังหวัดสุโขทัยก็บางทีก็อาจจะเป็นไปได้ วัดที่นี้เดิมมีเขตแดนติดต่อกับวัดราชินี ในเมษายน พุทธศักราช 2502 กรมทางหลวงได้สร้างถนนสายพิษณุโลก-หล่มสักหมายถึงถนมิตรภาพ ถนนหนทางสายนี้ได้ผ่านเข้าไปในพื้นที่วัดราชินีแล้วก็วัดราชบูรณะ ถนนหนทางมิตรภาพได้ตัดเฉียดฉิวอุโบสถไปอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งจำต้องรื้อถอนย้ายใบเสมามุมอุโบสถด้านตะวันออกเฉียงเหนือ วัดพระพุทธชินราช
วัดราชบูรณะเป็นวัดโบราณ คาดคะเนว่าทำขึ้นในยุคจังหวัดสุโขทัยก่อนรัชสมัยพระยาลิไท แม้กระนั้นไม่เจอหลักฐานที่แจ่มแจ้ง แต่ว่าจากการศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยจากหลักฐานดังนี้ ประวัติความเป็นมาวัดบนไม้แผ่นป้ายของสงฆ์ มีความว่า “วัดราชบูรณะเดิมไม่ปรากฏชื่อ ก่อสร้างมานาน 1,000 ปีเศษ ก่อนที่จะพระยาลิไทได้ทรงบูรณปรับปรุง เพราะฉะนั้นวัดนี้ก็เลยขึ้นชื่อว่า “วัดราชบูรณะ” สรุปความนานถึงปัจจุบันนี้โดยประมาณ 1,000 ปีเศษ
พระยาลิไททรงสร้างพระพุทธเคยชินราช พระพุทธชินสีห์ รวมทั้งพระศรีศาสดาแล้ว ทองคำยังเหลืออยู่ก็เลยได้หล่อพระเหลือขึ้น และก็ทรงมองดูมีความคิดเห็นว่าวัดนี้หมดสภาพมากมาย ก็เลยได้ซ่อมแซมขึ้นมาอีกทีก็เลยได้นามว่า “ราชบูรณะ” ประกาศจดทะเบียนโบราณสถาน วันที่ 27 ก.ย. 2479 พระวิหารหลวงวัดราชบูรณะ ตึกก่ออิฐถือปูน กว้าง 18 เมตร ยาว 23 เมตร สูง 13 เมตรหันไปทางทิศตะวันออก
ข้างหน้ามีทางขึ้นลง 3 ทาง ประตู 3 คู่ หน้าต่างด้านละ 7 คู่ พื้นวิหารยกสูงจากพื้นดินโดยประมาณ 1.75 เมตร พระวิหารมีสถาปัตยกรรมทรงโรง 9 ห้อง ศิลป์ยุคจังหวัดสุโขทัยข้างหน้ามีระเบียงเสาหานร่วมเรียงในรองรับ 4 เสา มีบัวหัวเสาเป็นบัว 2 ชั้นมีกลีบยาว ส่วนหลังติดอยู่สร้างชนิดเดียวกับโบสถ์ ไม่เหมือนกันที่ใช้พญานาคเศียรเดียว อุโบสถเป็นพญานาคสามเศียร บานประตูหน้า 3 คู่ ข้างหลัง 2 คู่ แกะลวดลายดอกบัวตูมเรียงต่อกัน
วัดเก่าแก่พิษณุโลก วัดดังที่ดีที่สุดเก่าแก่ที่สุดและบรรยากาศดีที่สุดอันดับ3 วัดนางพญา
วัดนางพญา คาดคะเนว่า ผู้สร้างพระนางพญาเป็น พระวิสุทธิกษัตรีย์ พระ มเหสีของพระมหาธรรมราชา รวมทั้งทรงเป็นพระราชคุณแม่ของสมเด็จพระกษัตริย์มหาราช ท่านทรงสร้างพระนางพญาขึ้นในคราวบูรณซ่อมแซมวัดราชซ่อม ราวปี พุทธศักราช 2090 – 2100 ในเวลานั้นพิษณุโลกเป็นเมืองลูกหลวง และก็ท่านดำรงพระอิสริยยศเป็นแม่เมืองสองแคว แล้วก็พระมหาธรรมราชาทรงพระอิสริยยศที่ พระอุปราช ที่แผ่นดินพระมหาจักรพรรดิ กรุงศรีอยุธยา
พื้นที่ใกล้กับวัด พระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) โดยมีถนนหนทางนายสิบการบุญกั้นกึ่งกลาง นอกเหนือจากนี้อยู่ชิดกับวัดราชซ่อมแซม แม้กระนั้นเดี๋ยวนี้ถนนหนทางสายมิตรภาพสร้างผ่าน ทำให้วัดนางพญากับวัดราชซ่อมแซม ตั้งอยู่คนละฝั่งถนนหนทาง ได้จดทะเบียนโบราณสถาน ในวันที่ 27 เดือนกันยายน 2479 เฉพาะวิหาร ปัจจุบันนี้เป็นโบสถ์ รวมทั้งเจดีย์ย่อมุมไม้สิบ 2 องค์ สำหรับเรื่องราววัดนางพญา โบราณสถาน อุทัยธานี
สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์เมื่อ 13 พ.ค. รัตนโกสินทร์ศก 120 (พุทธศักราช 2444) ความว่า ออกมาจากศาลาการเปรียญไปวัดนางพญามองระฆังใหญ่ปากกว้างโดยประมาณ 2 ศอก เป็นระฆังญวนทำด้วยเหล็ก แล้วไปมองวิหาร เล็กมากยิ่งกว่า วัดราชบูรณะหน่อยหนึ่ง ยิ่งไปกว่านี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เดินทางไปยังวัดนางพญาเมื่อ 16 ต.ค. รัตนโกสินทร์ศก 120 (พุทธศักราช 2444) เมื่อเสร็จการจุดเทียนชัยแล้ว ไปดูวัดนางพระยา ซึ่งอยู่ติดต่อกับวัดมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) ข้างหลังอุโบสถ มีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสององค์ใหญ่ มีขนาดฐานกว้าง 9.10+9.10 เมตร สูง 11.60 เมตร
ยังปรากฏชั้นฐานแข้งสิงห์อยู่สองชั้น ภาวะออกจะหมดสภาพ ลักษณะศิลป์อยุธยาตอนท้ายต่อรัตนโกสินทร์ตอนแรก ส่วนเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสิงเล็ก มีขนาดฐานกว้าง 3.70+3.70 เมตร สูง 7.95 เมตร ยังปรากฏฐานหน้าแข้งราชสีห์รองรับองค์ระฆังอยู่รวมทั้งบัวกรุ๊ปข้างบนยอดเหนือชั้นบังลังก์ขึ้น ภาวะคอนข้างทรุดโทรมแตกหักไม่ได้แตกต่างกัน วัดนางพญาที่แต่เดิมไม่มีโบสถ์ จะมีเพียงพระวิหารเป็นตึกก่ออิฐถือปูนบบทรงโรง มี 6 ห้องสถาปัตยกรรมศิลป์ยุคจังหวัดสุโขทัย
มีพุทธรูปประธานเป็นปูนปั้น ศิลป์จังหวัดสุโขทัย ฝาผนังบ้านข้างหลังเขียนภาพตรีภพ ส่วนฝาบ้านข้างหน้าเขียนภาพประวัติพระพุทธเจ้า จนกว่าในปี พุทธศักราช 2515 พระครูบวร เคยชินรัตน์ (ม้วน) เจ้าอาวาสวัดนางพญาได้ซ่อมแปลงพระวิหารข้างหลังนี้ให้เป็นอุโบสถ โดยการก่อสร้างขึ้นใหม่หมดทั้งยังข้างหลัง กว้าง 10.50 เมตร ยาว 20 เมตร ทำให้ไม่สามารถเรียนภาวะของพระวิหารโบราณข้างหลังเดิมได้เลย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลปัจจุบันนี้พระราชทานพระโอกาสการผลิตโบสถ์ในวันพุธที่ 19 เดือนมกราคม พุทธศักราช2521 ได้รับพระราชทานวิสุงค้างมสีมาวันที่ 24 เดือนมกราคม พุทธศักราช2506 ส่วนการขุดเจอในกรุหนแรกเมื่อ พุทธศักราช 2444 พระเครื่องนางพญาถูกใส่ไว้บนหอระฆังของเจดีย์ ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของสงฆ์ ถัดมาเมื่อเจดีย์หักพังทลายลงมา พระนางพญา ก็เลยตกลงมาผสมปนเปกับซากเจดีย์
แล้วก็กระจัดกระจายทั่วๆไปในรอบๆวัด ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเมืองพิษณุโลก เพื่อมองดูการหลอมพระพุทธเคยชินราชเลียนแบบ แล้วก็ศาลาเล็กที่สร้างไว้เพื่อรับเสด็จ
วัดเก่าแก่พิษณุโลก วัดดังที่ดีที่สุดเก่าแก่ที่สุดและบรรยากาศดีที่สุดอันดับ4 วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
หรือชื่อที่คนโดยมากเรียกกันว่า “วัดใหญ่” ตั้งอยู่ที่ ถนนหนทางพุทธบูชา ริมฝั่งแม่น้ำน่านด้านทิศตะวันออก ตรงกันข้ามกับศาลากลางพิษณุโลก เป็นวัดหลวง ชั้นเอก จำพวกวรมหาวิหาร มีชื่อเสียงโดยปกติในฐานะสถานที่ตั้งพระพุทธคุ้นชินราช พุทธรูปที่ได้รับการสรรเสริญว่างดงามที่สุดในประเทศไทย
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เป็นวัดที่มีประวัตินานมาตั้งแต่ยุคกรุงจังหวัดสุโขทัย มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และก็ประติมากรรมที่สวยยิ่ง นับว่าเป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าของเมืองพิษณุโลก วัดอรัญญิก พิษณุโลก
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร ไม่มีหลักฐานว่าผลิตขึ้นเมื่อใด คาดคะเนว่าทำขึ้นก่อนยุคจังหวัดสุโขทัย แล้วก็เป็นวัดหลวงมาตอนแรก ด้วยเหตุว่าได้เจอหลักฐานแผ่นจารึกจังหวัดสุโขทัยมีความว่า บิดาขุนศรีนาวนำถมทรงสร้างพระทันตธาตุสุคนธเจดีย์ …
ส่วนในเหตุการณ์ในอดีตเหนือกล่าวไว้ว่า ” ในราวพ.ศ. ๑๙๐๐ พระเจ้าศรีธรรมไตรปิฎก (พระมหาธรรมราชาลิไท) ทรงเป็นในหลวงครอบครองกรุงสุโขทัย ทรงมีเชื่อถือเลื่อมใสในบวรศาสนาพุทธเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งได้ทรงศึกษาเล่าเรียนพระไตรปิฎกและก็หนังสือศาสนาอื่นๆกระทั่งชำนิชำนาญเชี่ยวชาญ หาคนไหนเหมือนได้ยาก ท่านได้ทรงสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ในฝั่งทิศตะวันออกของแม่น้ำน่าน มีพระปรางค์อยู่กึ่งกลาง มีพระวิหาร ๔ ด้าน มีพระระเบียง ๒ ชั้นแล้วก็ทรงพูดให้ปั้นหุ่นหล่อพุทธรูปขึ้น ๓ องค์ เพื่อติดตั้งเป็นพระประธานในพระวิหารทั้งยัง ๓ หลัง”
ถัดมาเมื่อ ปี พุทธศักราช 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระโปรดโปรดเกล้าโปรดกระหม่อ ฯให้เอาขึ้นเป็นวัดหลวงชั้นเอก จำพวกวรมหาวิหาร เมื่อ พุทธศักราช 2458 ตอนนี้ก็เลยมีชื่อเต็มว่า วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร
บทความหวยอื่น>>> วัดเก่าแก่ ลำพูน
ดูหนังใหม่ได้ที่นี่>>> หนังออนไลน์ล่าสุด
แทงบอลออนไลน์ที่นี่>>> แทงบอล
เว็บข่าวหวยได้ที่นี่>>> หวย