วัดเก่าแก่ ภูเก็ต ดังที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดอันดับที่1 พระใหญ่เมืองภูเก็ต
วัดเก่าแก่ ภูเก็ต เป็นพุทธรูปปางมารชิ ศิลปแบบร่วมยุค ขนาดหน้าตักกว้าง 25.45 เมตร ความสูง 45 เมตร องค์ประกอบคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับประดาผิวด้วยหินอ่อนหยกขาว “สุริยกันต”(สุริยกันตะ) จากประเทศพม่า น้ำหนักเฉพาะหินอ่อน หยกขาวราวๆ 135 ตัน หรือโดยประมาณ 2,500 ตารางเมตร ติดตั้งในพุทธสวนยอดดอยนาคกำเนิด ตำบลกะรน อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ซึ่งถัดมาก็ได้รับการมอบให้นามจากสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ว่า “พระพุทธมิ่งมงคลเอกนาคคีรี” พร้อมตราตั้งให้เป็นพุทธรูปประจำเมืองจังหวัดภูเก็ต ตอนวันที่ 28 ต.ค. พุทธศักราช 2550
การสร้างพุทธรูป เป็นการสร้างวัตถุบูชาที่ดีที่สุด อันมีคุณค่าที่ราวๆไม่ได้ เนื่องจากพุทธรูปเป็นรูปที่ผลิตขึ้นเพื่อคิดถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมทั้งเคารพสักการะแทนท่านจริง ซึ่งได้ตายไปนานแล้ว พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นพระศาสดาที่พุทธศาสนา
ทรงมีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อชาวโลก ทรงสละความสุขความสบายในวรรณะกษัตริย์ ออกอุปสมบทบำเพ็ญมานะทางใจ จนได้หยั่งรู้อริยสัจ ทรงศึกษาและทำการค้นพบความจริงหรือข้อเท็จจริงต่างๆจากการรู้แจ้งเห็นจริงท่านเองนานัปการ แล้วประกาศความจริงนั้นแก่ชาวโลก หลักธรรมของพระองค์ มุ่งยกเว้นความประพฤติปฏิบัติความชั่ว มุ่งทำคุณงามความดี แล้วก็ทำจิตใจให้บริสุทธิ์แจ่มใส คนที่ปฏิบัติตัวทำตามหลักธรรมคำสั่งสอนของท่าน
จะบรรลุความสำเร็จสำหรับการดำเนินชีวิต ยึดมั่นอยู่ในจริยธรรมอันดี รวมทั้งสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างสุขสบาย เนื่องด้วยมีผู้มีจิตเลื่อมใสบริจาคที่ดินบนเทือกเขาสูง เป็นพุทธบูชาเป็นพุทธานุสติ ดวงดีคำกริยาวัตถุเป็นที่ตั้งที่การทำบุญ เป็นตำนานของแผ่นดิน เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นเครื่องไม้เครื่องมือสื่อโยงจำพวกพิเศษ เพื่อเผยแผ่ธรรมะของพระพุทธเจ้าให้แพร่หลายชนะใจคนรวมทั้งครอบครองสังคม รายชื่อวัดในภูเก็ต
วัดเก่าแก่ ภูเก็ต ดังที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดอันดับที่2 วัดศรีสุนทร
เป็นวัดราษฎร์ขึ้นตรงต่อคณะสงฆ์ข้างมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต มีพื้นที่ราวๆ 22 ไร่ มีที่ธรณีสงฆ์ 3 แปลง พื้นที่ 10 ไร่ 3 งาน 20 ตารางวา
วัดศรีสุนทร เดิมชื่อ วัดบ้านพอน ผลิตขึ้นช่วงวันที่ 21 ม.ย. พุทธศักราช 2335 ทางการศึกษา ทางวัดจัดให้มีการเรียนการสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พุทธศักราช 2469 ยิ่งกว่านั้นยังจัดให้มีห้องหนังสือบริการประชากร หน่วยการเผาศพเกื้อหนุน แล้วก็สถานที่เรียนวัดศรีเสนาะ วัดได้รับพระราชทานวิสุงติดอยู่มสีมา ช่วงวันที่ 22 เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2531
ตึกเสนาสนะต่างๆตัวอย่างเช่น โบสถ์กว้าง 6 เมตร ยาว 12 เมตร แบบโบราณมีฝาผนังบ้านเต็มเพียงแต่ข้างหลังด้านเดียว อีกสามด้านมีเพียงแค่ครึ่งเดียว ศาลาการเปรียญกว้าง 16 เมตร ยาว 36 เมตรสร้างเมื่อ พุทธศักราช 2519 เป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็กสองชั้น กุฏิสงฆ์ ปริมาณ 23 ข้างหลัง เป็นตึกไม้และก็ครึ่งอาคารครึ่งไม้สองชั้น สิ่งที่ควรค่าแก่การเคารพบูชามีพระประธานในโบสถ์ วัดภูเก็ต
วัดเก่าแก่ภูเก็ต ดังที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดอันดับที่3 วัดพระนางสร้าง
เมื่อประวัติศาสตร์ตอนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตได้จุเรื่องราวไว้ล้นหลามในวัดพระนางสร้าง จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยว สำคัญประจำจังหวัดที่ไม่ต้องการให้ทุกคนละเลย วัดที่นี้สร้างขึ้นเมื่อราวๆปี พุทธศักราช 2301 รวมทั้งเคยใช้เป็นค่ายทำศึกกับประเทศพม่าเมื่อปี พุทธศักราช 2328 ด้านในโบสถ์โบราณยังคงเป็นที่ติดตั้งพุทธรูปแร่ดีบุกที่ดั้งเดิมแล้วก็ใหญ่ที่สุดในโลก 3 องค์ เรียกว่า “พระในท้อง” หรือ “พระสามกษัตริย์”
ซึ่งอยู่ในพระท้องของพุทธรูปหล่อองค์ใหญ่ 3 องค์อีกชั้นสูงสุด และก็ในรอบๆใกล้ๆปากทางเข้าโบสถ์พวกเราจะเจอสรีระหลวงพ่อเซี่ยม (หลวงพ่อใบ) อยู่ในตู้ที่ทำจากกระจกซึ่งศพของท่านไม่เน่าไม่เปื่อยยุ่ย นับเกิดเรื่องที่น่าประหลาดใจยิ่ง ตำนานนางเลือดขาว วัดพระนางสร้างมีความสัมพันธ์อยู่กับตำนานนางเลือดขาวที่เมืองนครศรีธรรมราช ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า นางเลือดขาวผู้เป็นเมียของเจ้าผู้ครองนครนครศรีธรรมราชนั้น วัดป่าในภูเก็ต
ได้ถูกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แกล้งกล่าวโทษ โดยยัดเยียดข้อหาว่านางได้มีชู้กับมหาดเล็ก ซึ่งทำให้ถูกลงโทษถึงประหาร พระนางก็เลยได้ขอต่อรองผ่อนผันให้ตนได้ได้โอกาสไปกราบนมัสการพระบรมสารีริกธาตุที่ศรีลังกาซะก่อน แล้วต่อจากนั้นแล้วก็ค่อยกลับมาต้องโทษโทษนั้น ในกลางทางเที่ยวกลับ
พระนางได้แวะไปที่ถลาง เกาะจังหวัดภูเก็ต และก็ได้สร้างวัดขึ้นก่อน แล้วพอหลังจากนั้นก็ค่อยเดินทางกลับไปต้องโทษประหาร ซึ่งได้กำเนิดความอัศจรรย์ พูดอีกนัยหนึ่ง พระโลหิตที่ไหลออกมาแทนที่จะเป็นสีแดง กลายเป็นสีขาวไหลเป็นทาง สร้างความสงสัยเป็นอย่างมาก พระนางก็เลยได้รับการตั้งชื่อว่า “พระนางเลือดขาว” รวมทั้งวัดที่พระนางเลือดขาวได้สร้างนั้น ถัดมาก็ได้เรียกกันว่า “วัดพระนางสร้าง” กันกระทั่งมาถึงขณะนี้เอง
วัดเก่าแก่ภูเก็ต ดังที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดอันดับที่4 วัดสุวรรณคีรีเขต
เป็นวัดราษฎร์ขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์ข้างมหานิกาย ตั้งอยู่ในตำบลสังสรรค์ อำเภอเมืองจังหวัดภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต มีที่ดินตั้งวัดพื้นที่ 9 ไร่ 2 งาน 93.10 ตารางวา มีที่ธรณีสงฆ์ 6 แปลง พื้นที่ 24 ไร่ 2 งาน 57.40 ตารางวา วัดเล็ก ๆ ในภูเก็ต
วัดกาญจน์คีรีเขตตั้งวัดเมื่อ พุทธศักราช 2452 เดิมชื่อ วัดกะรน ตามชื่อบ้าน ได้รับพระราชทานวิสุงค้างมสีมาตอนวันที่ 24 ต.ค. พุทธศักราช 2482 เขตวิสุงติดอยู่มสีมากว้าง 40 เมตร ยาว 60 เมตร ในด้านการเล่าเรียนทางวัด เปิดสอนพระปริยัติธรรมเริ่มมาตั้งแต่ พุทธศักราช 2523 เปิดสถานที่เรียนสอนเด็กก่อนหลักเกณฑ์เมื่อ พุทธศักราช 2526
ตึกเสนาสนะที่สำคัญ อาทิเช่น โบสถ์กว้าง 40 เมตร ยาว 60 เมตร บานประตู รวมทั้งหน้าต่างทุกบาน แกะเกิดเรื่องราวเกี่ยวกับ พุทธประวัติรวมทั้งสิบชาติชาดก ศาลาการเปรียญกว้าง 16 เมตร ยาว 25 เมตร สร้าง พุทธศักราช 2515 รวมทั้งกุฎีพระสงฆ์ปริมาณ 4 ข้างหลัง
โดยมากเสาหล่อด้วยคอนกรีตของเซ่นเป็นไม้ สิ่งที่ควรค่าแก่การเคารพบูชา เป็นต้นว่า พุทธรูปในโบสถ์ 3 องค์ ที่ศาลาการเปรียญปริมาณ 17 องค์ พระเชียงแสน พระจังหวัดสุโขทัย แล้วก็พระนารายณ์ทรงวัวตั้งอยู่ที่กุฎีข้างหลังใหญ่ ในตอนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคมของทุกปี วัดมีการจัดงานฉลองที่ยิ่งใหญ่ หมายถึงงานปิดทองพระนารายณ์
วัดเก่าแก่ภูเก็ต ดังที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดอันดับที่5 วัดพระทอง
ความแปลกประหลาดระดับอันซีนไทยแลนด์ที่ซุกซ่อนในอีกมุมหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตรงนี้เป็นวัดโบราณที่น่าดึงดูดด้วยตำนานเรื่องเล่าอันศักดิ์สิทธิ์ของพุทธรูปองค์ใหญ่ ซึ่งโผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดินเพียงแต่พระเกตุมาลา และก็ผุดขึ้นมาจากพื้นดินเดียวครึ่งองค์ อันเป็นสาเหตุของชื่อ “วัดพระผุด” นั่นเอง ที่มาพระผุด มีเรื่องมีราวเล่ากันมาว่า เดิมรอบๆที่ตั้งของสงฆ์เคยเป็นทุ่งกว้าง มีนา มีลำคลอง
มีต้นหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ซึ่งราษฎรเรียกว่า “นา” วันหนึ่งมีเด็กผู้ชายนำควายไปเลี้ยงที่ทุ่ง และก็ได้นำเชือกล่ามควายไปผูกไว้กับตอไม้ขอบลำคลองที่มีโคลนตมติดอยู่ พอพอกลับบ้าน เด็กคนนี้ก็กำเนิดอาการเป็นลมเป็นแล้งตาย แล้วก็ควายที่ล่ามไว้กับตอไม้ ก็ตายไปร่วมกัน ถัดมาบิดาของเด็กผู้ชายฝันว่า การที่เด็กรวมทั้งควายตายด้วยเหตุว่านำเชือกล่ามควายไปผูกไว้กับผมพุทธรูป เขาก็เลยเชื้อเชิญเพื่อนบ้านไปขัดล้างตอไม้ขอบลำคลองที่นั้น
แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ให้มองเห็นนั้นกลับมีลักษณะ ราวกับเกศา พุทธรูปรวมทั้งเป็นทอง จนถึงประชาชนต่างพากันมาบูชาสักการกันมากไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อเจ้าผู้ครองเมืองรู้ ก็สั่งให้ทำขุดพุทธรูปขึ้นมา ตั้งไว้บูชา แม้กระนั้นไม่สามารถที่จะขุดขึ้นมาได้ บางบุคคลถูกตัวต่อ ตัวแตนก่อกวน เป็นพิษจนกระทั่งแก่ความตาย เจ้าผู้ครองนครก็เลยสั่งให้สร้างสถานที่ขึ้นมาปกคลุมเอาไว้ แล้วก็ประชาชนก็เคารพบูชากันบ่อยมา วัดศักดิ์สิทธิ์ ภูเก็ต
พร้อมเรียกพุทธรูปองค์นี้เรียกว่าพระผุด เพราะเป็นพุทธรูปที่ผุดขึ้นมาจากพื้นดิน เพียงแค่พระเกศามาลา สูงโดยประมาณ 1 ศอก ส่วนชาวจีนจะเรียกพระผุดว่า ภูเขาปุ๊ค (พู่ฮุก) เพราะเหตุว่ามั่นใจว่าเป็นพระผุดมาจากเมืองจีน ครั้นเมื่อถึงเทศกาลวันตรุษจีน ชาวจีนในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา ตะกั่วป่า ด้านหลังเหมือง และก็กระบี่ จะพากันมานมัสการพระผุด บ่อยๆจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีเรื่องมีราวราวที่กล่าวถึงพระผุดองค์นี้
ในสถานะการณ์ศึกพระผู้เป็นเจ้าปะดุง ที่ยกทัพมาตีบ้านตีเมืองถลาง พุทธศักราช 2328 ทหารเมียนมาร์มานะขุดพระผุดเพื่อนำกลับไปประเทศพม่า แต่ว่าขุดลงไปครั้งไหนก็มีฝูงแตนไล่ต่อยกระทั่ง จะต้องละความมานะบากบั่น ถัดมาประชาชนได้นำทองคำมาหุ้มห่อพุทธรูปที่ผุดจากพื้นดินเพียงแต่ครึ่งองค์ตามที่มองเห็นในตอนนี้ นอกเหนือจากนี้ข้างนอกโบสถ์ คุณจะเจอ “พิพิธภัณฑ์วัดพระทอง”
อันเป็นที่เก็บเก็บของเก่า ของใช้ของสอยของชาวจังหวัดภูเก็ต อย่างเช่น “จังซุ่ย” เสื้อฝนชาวบ่อแร่แร่ดีบุก รองเท้าตีนตุๆกของสตรีเชื้อสายจีน ที่จำเป็นต้องผูกเท้าให้เล็กตามความนิยมของสังคมยุคนั้น และก็ของโบราณอีกเยอะมากให้ทุกคนได้ชื่นชอบ ที่ตั้ง : อยู่ห่างจากเมืองจังหวัดภูเก็ตราวๆ 20 กิโล เลยที่ว่าการอำเภอถลางไปนิดหน่อย จะเจอทางแยกขวามือเพื่อเข้าวัด
บทความหวยอื่น>>> วัดเก่าแก่ ปทุมธานี
อ่านบทความการ์ตูน>>> มังงะ
แทงบอลออนไลน์ที่นี่>>> แทงบอล