วัดเก่าแก่ ลำปาง วัดที่ถูกสร้างอย่างยาวนานที่เป็นสถานที่ท่องเดียวอันดับที่1 วัดปงยางคก
วัดเก่าแก่ ลำปาง วัดปงยางคกทำขึ้นเมื่อราว พุทธศักราช 1243 มีตำนานเล่าว่า ครั้งเมื่อพระนางจามเทวี ผู้ครองนครหริภุญชัย มายอดเยี่ยมเจ้าอนันตขั้น ราชบุตร ผู้มาครอบครองนครเขลางค์ลำปาง ระหว่างเดินทางนำฉัตรทองคำไปบูชาที่พระบรมสารีริกธาตุจังหวัดลำปางหลวง
ช้างพระที่นั่งย่อตัวหมอบยกงวงทำความเคารพ พระนางมองเห็นเป็นแปลกประหลาด ก็เลยพักพลในที่นั้น ตกช่วงเวลากลางคืน พระนางอธิษฐานว่าอธิษฐานว่า ถ้ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ปรากฏขึ้น แล้วหลังจากนั้นมีแสงสว่างพุ่งออกมาจากรังปลวก1 แล้วต่อจากนั้นพระนางจามเทวีก็เลยทรงให้ปลูกมณฑปพระราชวัง ครอบรังปลวกไว้ ตลอดจนสร้างราชสีห์คาบนาง สร้าง กู่จ๊างนบ แต่ว่าถัดมาบ้ามาเป็น “วัดปงยางคก”
ปัจจุบันนี้มณฑปพระราชวังตั้งอยู่ในวิหารพระแม่เจ้าจามเทวี สร้างในราว พุทธศักราช 2275–2302 เป็นระยะในเวลาที่พระยาไชยการสู้รบ (ทิพย์ช้าง) ผู้ครองบ้านครองเมืองจังหวัดลำปางอยู่จนกระทั่งแก่ความตาย วิหารมีขนาดกว้าง 3 ห้อง ยาว 5 ห้อง
ไม่มีประตูหน้าต่าง หลังคาลดชั้น ข้างหน้า 3 ชั้น ข้างหลัง 2 ชั้น ผืนหลังคา 2 ตับ ช่อฟ้า ปั้นลม องค์ประกอบของวิหารอีกทั้งขื่อคานเสาเขียนลายทองคำ หน้าบันฝาผนังด้านยาวเป็น ฝาย้อยเป็นทำด้วยไม้เข้าเดือยเป็นแผง ปิดลงมาโดยประมาณครึ่งเสา ฝาด้านในเขียนภาพและก็ลวดลายตกแต่ง ห้องด้านหลังวิหารก่อฝาผนังทึบ
ทางทิศใต้ของห้องลำดับที่สามแล้วก็ห้องลำดับที่สี่ ก่อฝาผนังเจาะช่องแสงสว่าง เพื่อกันฝนสาด ห้องด้านหลังวิหารเป็นที่ตั้งของมณฑปติดตั้งพระประธาน มณฑปทรงพระราชวัง หรือเรียกว่า โขงพระผู้เป็นเจ้า สวยด้วยปูนปั้นแล้วก็ลวดลายตกแต่ง เดี๋ยวนี้วิหารจามเทวีได้รับการจดทะเบียนเป็นโบราณสถาน รวมทั้งเป็นสถาปัตยกรรมด้านรักษาดีเด่นจากสัมพันธ์นักออกแบบสยาม เมื่อ พุทธศักราช 2543 ขอพร ลำปาง
วัดเก่าแก่ ลำปาง วัดที่ถูกสร้างอย่างยาวนานที่เป็นสถานที่ท่องเดียวอันดับที่2 วัดพระธาตุลำปางหลวง
ตามตำนานพูดว่า ในยุคพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระเถระสามองค์ได้เสด็จจาริกไปตามประเทศชาติต่างๆจนกระทั่งบ้านลัมภะการีวันหรือบางฉบับเรียกบ้านลัมพกลานะ (บ้านลำปางหลวง) พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับเหนือภูเขาม่อนน้อย มีชาวลัวะคนหนึ่งชื่อ ลัวะอ้ายกอน กำเนิดความเลื่อมใสศรัทธา ได้นำน้ำผึ้งใส่กระบอกไม้ป้างมะพร้าว และก็มะตูมมามอบให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าได้ฉันน้ำผึ้งแล้วทิ้งกระบอกไม้ป้างไปทางทิศเหนือ แล้วทรงคาดเดาว่า สถานที่ที่นี้ถัดไปจะมีชื่อว่า ลัมพกัปปะนคร แล้วได้ทรงคลำพระเศียรได้พระเกศมาหนึ่งเส้น มอบให้แก่ลัวะอ้ายกอนผู้นั้น ลัวะอ้ายกอนได้นำพระเส้นผมนั้น ใส่ในผอบทอง รวมทั้งใส่ลงในอุโมงค์พร้อมทั้งมอบให้ แก้ว แหวน เงิน ทองคำ เป็นเครื่องเซ่น
แล้วแต่งยนต์ผัด (ยนต์หมุน) รักษาไว้ รวมทั้งกลบดินให้เรียบเท่ากัน แล้วก่อเป็นพระเจดีย์สูงเจ็ดศอกเหนืออุโมงค์นั้น ในยุคถัดมาก็ได้มีกษัตริย์เจ้าเมืองลำปางอีกหลายท่าน มาก่อสร้างแล้วก็ซ่อมซ่อม ตราบจนกระทั่งเป็นวัดที่มีความสวยสดงดงามอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ในทางประวัติศาสตร์นครลำปาง วัดพระธาตุลำปางหลวงมีประวัติว่า เมื่อปี พุทธศักราช 2275 นครลำปางว่างจากผู้ครองนคร รวมทั้งกำเนิดความระส่ำระสายขึ้น ยุคนั้นเมียนมาร์เรืองอำนาจได้ขยายอิทธิพลดูแลอาณาจักรล้านนาไว้ได้ทั้งปวง ประเทศพม่าได้ครอบครองนครเชียงใหม่ ลำพูน โดยแต่งเจ้าเมืองอยู่ภายใต้การปกครองของกษัตริย์ประเทศพม่า ท้าวมหาขั้น กษัตริย์ลำพูนได้ยกกำลังมายึดนครลำปาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เมือง ลำปาง
โดยได้มาตั้งแคมป์อยู่ด้านในวัดพระบรมสารีริกธาตุลำปางหลวง คราวนั้น ดกนทิพย์ช้าง ประชาชนปงยางคก (ปัจจุบันนี้อยู่อำเภอห้างฉัตร) วีรบุรุษของชาวลำปาง ได้เก็บพลทำต่อสู้กองทัพเจ้ามหาตำแหน่ง โดยลอบเข้ามาในวัด รวมทั้งใช้ปืนยิงท้าวมหาตำแหน่งตาย
แล้วตีกองทัพลำพูนแตกพ่ายแพ้ไป ปัจจุบันนี้ยังปรากฏรอยกระสุนปืนอยู่บนรั้วทองบรอนซ์ที่ล้อมองค์พระบรมสารีริกธาตุเจดีย์ ถัดมาดกนทิพย์ช้างได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็น พระผู้เป็นเจ้าทิพย์จักรสุละวะฤๅไชยการรบ เจ้าเมืองลำปาง แล้วก็ฯลฯเครือญาติในลำปาง เจ้าเจ็ดตนในเชียงใหม่ในลำพูน
วัดพระบรมสารีริกธาตุลำปางหลวง เป็นโบราณสถานสำคัญ ที่ตั้งอยู่ในรอบๆซากเมืองโบราณลัมพกัปปะนคร ตามความเป็นมาพระนางจามเทวีเคยเสด็จมานมัสการ รวมทั้งกระทำซ่อมแซมซ่อมบำรุงอยู่เป็นประจำ
ถือว่าเป็นวัดสำคัญประจำเมืองมาแต่ว่าสมัยโบราณ มีความสวยสดงดงาม และก็มีความยอดเยี่ยมอีกทั้งสถาปัตยกรรม ประติมากรรม รวมทั้งจิตรกรรม เป็นที่ติดตั้ง พระแก้วดอนเต้า ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวลำปาง รวมทั้งพุทธศาสนิกชนทั่วๆไป
วัดเก่าแก่ลำปาง วัดที่ถูกสร้างอย่างยาวนานที่เป็นสถานที่ท่องเดียวอันดับที่3 วัดพระธาตุเสด็จ
วัดพระธาตุเสด็จเป็นโบราณสถานอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดลำปาง มีตำนานบอกว่าทำขึ้นในยุคพระนางจามเทวี โบสถ์และก็วิหารต่างๆซึ่งเป็นโบราณสถานที่ดั้งเดิม ได้รับการบูรณะใหม่ทั้งปวงแม้กระนั้นยังคงภาวะศิลป์โบราณให้มองเห็นได้อยู่จนถึงเดี๋ยวนี้
กรมศิลปากรได้จดทะเบียนไว้เป็นโบราณสถานของชาติแล้ว พุทธสถานที่สำคัญเป็น องค์พระบรมธาตุเสด็จ ใส่พระบรมสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์แบบล้านนา ลักษณะที่คล้ายพระบรมธาตุจังหวัดลำปางหลวงแม้กระนั้นองค์เล็กกว่า ยิ่งกว่านั้นยังมีวิหารใหญ่ เรียกว่า “วิหารกลาง”
ตั้งพุทธรูปสำริดปางท่าทางองค์ใหญ่มีพุทธลักษณะสวยนามว่า “หลวงพ่อห้ามญาติ” วิหารหลวง เรียกว่า “วิหารจามเทวี” ติดตั้งพระพุทธรูปสำริดปางมารชิ ศิลป์เชียงแสน แล้วก็วิหารพระพุทธมีพุทธรูปชื่อ “พระผู้เป็นเจ้าดำองค์อ้วน” เป็นพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย วัด ดอย ลำปาง
วัดเก่าแก่ลำปาง วัดที่ถูกสร้างอย่างยาวนานที่เป็นสถานที่ท่องเดียวอันดับที่4 วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม
วัดนี้ขึ้นชื่อว่าวัดพระแก้วดอนเต้า มีตำนานบอกว่า นางสุชาดา ได้เจอแก้วมรกตในแตงโม (หมากเต้า) แล้วก็เอามามอบให้พระเถระรูปนั้นก็เลยว่าจ้างช่างให้นำมรกตนั้นไปสลักเป็นพุทธรูปนั้นก็คือ พระแก้วดอนเต้า ซึ่งถัดมาได้รับการเชิญไปตั้งที่วัดพระธาตุลำปางหลวงสาเหตุจากตำนานกล่าวว่า มีผู้ไปฟ้องเจ้าผู้ครองเมืองจังหวัดลำปางในตอนนั้นว่า พระเถระและก็นางสุชาดาคบชู้กัน
เจ้าผู้ครองนครจังหวัดลำปางก็เลยให้จับนางสุชาดาไปประหาร ส่วนพระเถระองค์นั้นรู้ข่าวสารก็ได้เชิญพุทธรูปหนีไป โดยได้นำไปฝากไว้ที่วัดพระบรมธาตุจังหวัดลำปางหลวงจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ส่วนสถานที่ตั้งบ้านของนางสุชาดาก็ได้มีผู้มีจิตเชื่อถือในคุณความดีของนาง บริจาคเงินสร้างวัดขึ้นชื่อลือชาวัดสุชาดาราม
แม้กระนั้นมีบางคาดการณ์พูดว่าเพราะว่าวัดพระแก้วดอนเต้า รวมทั้ง วัดสุชาดาราม นั้นร้างลง แต่บางที่ก็มีการคาดการณ์เพิ่มว่า น่าจะเป็นด้วยเหตุว่าบริเวณนี้เป็นสวนหมากเต้า รวมทั้งเป็นที่ดอน ก็เลยชื่อพระบรมสารีริกธาตุว่า พระบรมสารีริกธาตุดอนเต้า แล้วก็ชื่อวัดว่า วัดพระบรมธาตุดอนเต้า แล้วก็ถัดมาเมื่อมีการติดตั้งพระแก้วดอนเต้า ก็เลยแปลงชื่อเป็น วัดพระแก้วดอนเต้า
วัดพระแก้วดอนเต้า เป็นที่ตั้งของพระบรมสารีริกธาตุดอนเต้า ซึ่งเป็นพระเจดีย์องค์ใหญ่ ใส่พระเกศธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มณฑปศิลป์เมียนมาร์ ลักษณะสวย ตั้งพุทธรูปองค์ใหญ่ และก็วิหารติดตั้งพระพุทธนอนหลับ ซึ่งแก่โบราณ เทียบเท่าการสร้างวัดนี้ นอกจากนั้นยังมีวิหารหลวงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติล้านนา และก็วิหารพระผู้เป็นเจ้าทองคำทิพย์
วัดพระแก้วดอนเต้า ได้รับประกาศจดทะเบียนเป็นโบราณสถาน โดยกรมศิลปากร ช่วงวันที่ 8 มี.ค. พุทธศักราช 2478 ในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ในระหว่างที่ 75
ในปี พุทธศักราช 2527 กระทรวงศึกษาธิการ โดย กรมการศาสนา ประกาศรวมวัดพระแก้วดอนเต้า และก็วัดสุชาดาราม เข้ามาเป็นวัดเดียวกัน ชื่อ วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ช่วงวันที่ 6 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2527 วัด ลำปาง Unseen
วัดเก่าแก่ลำปาง วัดที่ถูกสร้างอย่างยาวนานที่เป็นสถานที่ท่องเดียวอันดับที่5 วัดศรีรองเมือง
วัดศรีรองเมืองสร้างโดยพ่อเฒ่าจองตะก่าอินต๊ะ เศรษฐีชาวไทใหญ่ ที่เข้ามาทำไม้ในเมืองจังหวัดลำปาง ของบริษัท บอมเมย์เบอร์ม่า สร้างวัดขึ้นเมื่อ พุทธศักราช 2447 ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เหตุที่มีอาชีพตัดไม้ ล้มต้นไม้ในป่า ก็เลยได้สร้างวัดศรีรองเมืองนี้ได้เพื่อเป็นที่พึ่งพิงทางจิต ขออโหสิต่อธรรมชาติ โดยใช้ช่างฝีมือชาวเมียนมาร์สำหรับการซ่อมจากวัดเดิมที่มีอยู่ก่อน
ชื่อวัดศรีรองเมืองสะกดฟั่นเฟือนมาจากชื่อเดิมที่เรียก วัดศรีสองเมือง ซึ่งทำขึ้นบนพื้นที่ของสำนักสงฆ์ อันมีชื่อตามชื่อสกุลของผู้ให้ที่ดิน สำนักสงฆ์ศรีสองเมือง สร้างเมื่อ พุทธศักราช 2434 วัดนี้เดิมชื่อ วัดท่าคราวน้อยเมียนมาร์ ถัดมาในปี พุทธศักราช 2524 กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นบัญชีแล้วก็ระบุขอบเขตวิหาร ของวัดศรีรองเมืองเอาไว้ ภายในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 98 ในขณะที่ 177 ระบุวันที่ 27 ต.ค. 2524 ที่เที่ยวลําปาง 2020
วิหารมีลักษณะแบบวิหารไทใหญ่ในภาคเหนือ ซึ่งมีลวดลายสลักปิดทอง และก็เครื่องไม้ประดับที่งดงาม วิหารเป็นตึก 2 ชั้นมีหลังคาทับกันแบบประเทศพม่า ด้านล่างก่ออิฐถือปูน ส่วนข้างบนทำด้วยไม้ ด้านในวิหารตั้งพระประธานที่ทำมาจากไม้ ขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางของเรือนยอด บนวิหารที่เป็นเรือนไม้นั้นมีเสากลมใหญ่ เรียงรายกันหลายต้น แต่ละต้นประดับด้วยลวดลายจำหลักไม้แล้วก็กระจกสีแวววาวสวยงาม พุทธรูปบัวเข็ม
เป็นพระประธานของวิหาร แกะจากไม้ศิลป์ประเทศพม่า มีเรื่องมีราวเล่าเกี่ยวกับพุทธรูปองค์นี้ว่า ยุคเก่ามีไม้สักท่อนขนาดใหญ่โตไหลมาตามแม่น้ำวังแล้วมาติดอยู่กับท่าน้ำข้างหลังวัดศรีรองเมือง ประชาชนก็เลยได้ช่วยเหลือกัน นำขอนไม้สักมารักษาไว้ ที่วัดรวมทั้งเคารพบูชากัน จนกระทั่งวันหนึ่งมีฝนตกฟ้า คำรามลมพัดแรงมากมาย ปรากฏว่าเทียนที่จุดไว้ บนขอนไม้ไม่ยินยอมดับ เลื่อมใสประชาชนพร้อมพ่อเฒ่า จองตะก่าอินต๊ะก็เลยได้ให้ช่างมาแกะเป็นพุทธรูปแบบเมียนมาร์แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาติดตั้งไว้ที่วิหารวัด
วัดยังมีสิ่งปลูกสร้างที่สวยสดงดงามอีกเพียบเลย อาทิเช่น เว็จกุฏีหรือส้วมพระที่มีลักษณะผิดตารวมทั้งสวยงามตามศิลป์การก่อสร้างของไทยใหญ่เว็จกุฏีนี้ตั้งอยู่ห่างจากแนวโบราณสถานเดิม (วิหาร) ราวๆ 15 เมตร โดยตั้งอยู่ใกล้กำแพงวัดทางด้านทิศตะวันตก ในปีพุทธศักราช2544 ได้มีหนังสือขอให้ปฏิบัติงานขึ้นบัญชีเว็จกุฏีที่นี้เสริมเติม
บทความหวยอื่น>>> วัดเก่าแก่ ภูเก็ต
ดูหนังใหม่ได้ที่นี่>>> หนังออนไลน์ล่าสุด
แทงบอลออนไลน์ที่นี่>>> แทงบอล