วัดเก่าแก่ แพร่ วัดดังของจังหวัดที่ถูกจารึกว่าเก่าแก่ที่สุดและมีลวดลายวัดที่สวยอันดับที่1 วัดหัวข่วง
วัดเก่าแก่ แพร่ เข้าใจกันว่าสร้างในยุคเดียวกันกับพระบรมธาตุช่อแฮ (พุทธศักราช 1387) แล้วก็วัดพระหลวงธาตุเนิ้ง คาดว่าทำขึ้นในยุคท้าวพหุสิงห์ พระลูกชายบิดาขุนหลวงพล เจ้าเมืองแพร่คนแรก เมื่อบิดาขุนหลวงพลย้ายถิ่นมาจากเมืองสิบสองปันท้องนา ทางตอนใต้ของจีน ท่านลงมาตั้งที่รอบๆอำเภอร้องกวาง แต่ว่าพบว่ามีผู้ดูแลอยู่แล้วหมายถึงเจ้าวงพระดายชรา ก็เลยย้ายมาบริเวณอำเภอเมืองแพร่ มาสร้างชุมชน
ได้สร้างวัดแห่งหนึ่งขึ้นมันก็คือ วัดหลวง ภายหลังจากดูแลเมืองแพร่มาเป็นระยะเวลานานและก็แก่ขึ้น ก็เลยได้ยกเมืองให้แก่ลูกชายนามว่าท้าวพหุสิงห์ ภายหลังจากขึ้นครองบ้านครองเมืองแล้ว ท้าวพหุสิงห์ได้ซ่อมวัด โดยจ้างช่างชาวกรุงเวียงพางคำเชียงแสน มาปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมซ่อมแซมวัดหลวง
แล้วหลังจากนั้นแม่เฒ่าจันคำสกุล คุณย่าของท้าวพหุราชสีห์ได้มองเห็นความสามารถที่งดงามของช่าง ก็เลยคิดจะสร้างวัดขึ้นใหม่อีกแห่งหนึ่ง ก็เลยเลือกเอาที่ดินว่างเป็นลานกว้างใหญ่กว่าเดิมใช้เป็น ข่วงเล่นกีฬาประจำเมือง เป็นที่สร้างวัด แล้วก็ใช้ช่างคนเดิมที่เคยมาบูรณะวัดหลวง วัดที่ผลิตขึ้นใหม่ขึ้นชื่อว่า วัดหัวข่วงสิงห์ชัย
พระบรมธาตุเจดีย์มีลักษณะเป็นแบบศิลป์ล้านนา รวมทั้งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองแพร่ มีตำนานเล่าถึงการปรากฏของดวงแก้วออกมาจากยอดพระบรมสารีริกธาตุ มีขนาดเป็นทรงกลมเท่าผมส้ม เปล่งรัศมีเปล่งปลั่งสีส้มปนสีเขียวมรกตดังสีดวงจันทร์ ทรงกรด ชื่อวัดดังในจังหวัดแพร่
แสงสว่างผ่องใสดังกล่าวข้างต้นชอบมีปรากฏให้มองเห็นขณะใกล้วันสำคัญของพุทธศาสนา พระบรมธาตุเจดีย์มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 13.50 เมตร สูง 25.60 เมตร ภายใต้ฐานเจดีย์มีสำเภาเงิน สำเภาทองคำ ใส่พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
วิหารตกแต่งฐานพระประธานประดับโดยการใช้มุก ประตูข้างหน้าแกะเป็นภาพพุทธประวัติ ทำฉัตรเก้าชั้นด้วยเงินจากเมืองขนมตะโก้ง หงสาวดีเอาไว้ในวิหาร แล้วก็ตอนหลังกรมศิลปากรได้เข้ามาซ่อมพระบรมสารีริกธาตุเจดีย์แล้วก็โบสถ์ซึ่งเป็นโบสถ์ทรงล้านนา
วัดเก่าแก่ แพร่ วัดดังของจังหวัดที่ถูกจารึกว่าเก่าแก่ที่สุดและมีลวดลายวัดที่สวยอันดับที่2 วัดศรีชุม
วัดศรีชุมเป็นวัดที่โบราณที่สุดของจังหวัดแพร่ สร้างเมื่อปี พุทธศักราช 1322 แก่นับพันปี ซึ่งมีมาก่อนการสร้างเมืองแพร่ ในอดีตกาลนั้นวัดศรีชุมเป็นวัดที่มีความงามมากมายเจดีย์หุ้มห่อด้วยทอง เวลาถัดมามีกองทัพเมียนมาร์บุกมายึดอาณาจักรล้านนาแล้วยกพลบุกเมืองแพร่ ได้เผาทำลายวัดและก็ลอกเอาทองจากเจดีย์ไปด้วยและก็จากการบุกเมืองแพร่ครั้งนั้นทำให้วัดศรีชุมเปลี่ยนเป็นวัดร้าง ข้างในวิหารวัดศรีชุมเป็นที่ตั้งพระยืน ราษฎรเรียกกันว่า “พระเจ้ายืน” เป็นพระยืนในวิหารที่มีความสูงเยอะที่สุดของจังหวัดแพร่
พุทธรูปปางประทับยืน ศิลปะสุโขทัยผสมศิลป์ประจำถิ่น เป็นพุทธรูปประจำวัดศรีชุม เป็นพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ทำขึ้นเมื่อปี พุทธศักราช 1322 แก่นับพันปี ทำขึ้นพร้อมๆกับวัดศรีชุม พุทธรูปองค์นี้มีขนาดใหญ่สูงลิ่วอยู่ในวิหาร มีการซ่อมแซมพระเจ้ายืนเมื่อปี พุทธศักราช 1900
พระเจ้ายืนเป็นที่นับถือรวมทั้ง เลื่อมใสของราษฎรชาวแพร่ เป็นอย่างมาก เช้าใจกันว่าหากมาขอพรพระเจ้ายืน ก็ชอบเสร็จสมดังต้องการ ด้านในวัดยังพระเจดีย์ เป็นศิลป์ยุคล้านนา สร้างโดยประมาณศตวรรษที่ 20 เป็นเจดีย์ทรงวังยอด ทรงระฆังแบบล้านนา ฐานย่อมุม 28 กว้างด้านละ 5 วา ข้างบนมีซุ้มจรนัมด้านในตั้งพุทธรูป
จากการบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ วัดศรีชุมกล่าวไว้ว่า อุปราชเมืองจังหวัดสุโขทัย ซึ่งเสด็จมาสร้างเจดีย์ช่อแพร(พระบรมสารีริกธาตุช่อแฮ) ในช่วงเวลาที่ทรงมาพักพิงที่คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่(ยุคเจ้าเทพวงศ์หรือเจ้าหลวงลื้นทอง) แล้วก็ทรงมองเห็นทำเลที่ตั้งทิศตะวันตก ของคุ้มมีซากเจดีย์เก่า วัดในจังหวัดแพร่ มี กี่ วัด
สถานที่ร่มรื่นเหมาะสม ที่จะสร้างพุทธสถานให้คณะสงฆ์บำเพ็ญวิปัสสนา ก็เลยพร้อมใจกันกับ เจ้าผู้ครองนครแพร่ ซ่อมวัดขึ้นตามลักษณะวัด ยุคจังหวัดสุโขทัย ในตอนนั้นได้ซ่อมแซมเจดีย์ สร้างพระวิหารพระยืน กำแพงวัดข้างหน้าซึ่งเป็นรูปปั้นรูปเทพนมสลับกับแจกันดอกไม้ ปั้นรูปฤษีบำเพ็ญตบะไว้ข้างหน้าประตู ปากทางเข้าและก็บนจั่วหน้าวิหาร โดยใช้ช่างฝีมือดีจากเมืองพางคำ หรือเมืองเชียงแสน แล้วก็เรียกว่า “วัดศรีชุม” มีงานกินเลี้ยงสมโภชวัด 7 วัน 7 คืน
วัดเก่าแก่แพร่ วัดดังของจังหวัดที่ถูกจารึกว่าเก่าแก่ที่สุดและมีลวดลายวัดที่สวยอันดับที่3 วัดพระนอน
เมื่อนครโกศัยไม่มีเจ้าปกครองเมือง ได้ทอดทิ้งวัดพระนอนเป็นวัด ร้างเป็นระยะเวลานาน ไม่ปรากฏมีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นปกคลุม รอบๆวัดมีเถาวัลย์ขนาดใหญ่ที่ชื่อว่าผักหละ หรือผักชะอมขึ้น ปกคลุมพรนอนเป็นระยะเวลาที่ยาวนานจนถึงรอบๆนั้นเปลี่ยนเป็นป่าถัดมามี พ่อค้าต่างถิ่นเดินทางมาพักแรมรอบๆดังที่กล่าวมาแล้วมองเห็นผักหละ สวยดีก็เลยเอาไปเป็นของกินรวมทั้งได้เจออิฐอยู่ทั่วๆไป วัดจังหวัดแพร่
พวกพ่อค้าก็เลยสงสัยว่าเป็น วัดร้างรวมทั้งนำความไปเล่าให้ประชาชนฟัง ชาวบ้านก็แตกตื่น ช่วยเหลือกันหักล้างถางพง เจอต้นไม้ใหญ่ฯลฯมะม่วง ขึ้นปกคลุมพระนอนคล้ายกับร่ม ราษฎรกำเนิดเลื่อมใสก็เลยช่วยเหลือกัน ซ่อมแซมซ่อมให้มีความงดงาม แล้วก็แข็งแรงแล้วก็ได้ ตั้งชื่อว่าวัดเสียใหม่ว่า “วัดต้นม่วง”และก็สำหรับในการซ่อมตอนนั้น ได้เจอแผ่นทองจารึก ของพระ นางพิมพาก็เลยได้รับรู้ว่าวัดม่วงคำนั้นนั้น
ตอนแรกเป็นวัดพระนอนและก็สัน นิษฐานว่าวัดพระนอนนี้ได้สร้างเสร็จ ในเดือนเก้าเหนือขึ้นสิบห้าเย็น ดังนี้โดยถือเอาคำจารึก ในแผ่นทองเป็นหลักวัดพระนอนเป็น สถานที่ควรค่าแก่การเคารพบูชาดั้งเดิม แห่งหนึ่งของจังหวัดแพร่ ได้รับเกรียตำหนิจากทาง จังหวัดให้เป็นสถานที่เที่ยว แห่งหนึ่งของเมืองแพร่ วัดพระนอน ได้สรับการประกาศตั้งเป็นวัดเมื่อ พุทธศักราช๑๓๒๐ ได้รับพระราชทาน วิสุงค้างมสีมา ตอนวันที่ ๙ เดือนมิถุนายนพุทธศักราช๒๕๓๖โดยอาคารบ้านเรือน ที่มีอยู่ ในรอบๆวัดพระนอนดังเช่น
๑.โบสถ์ซึ่งสร้างแบบยุคเชียงแสน ไม่มีการเจาะหน้าต่างแม้กระนั้น ทำฝาผนังเป็นช่องแสงสว่างแทน สำหรับลวดลายหน้านั้นเป็นลวด ลายแบบอยุทธยาช่วงท้ายผูก เป็นลายก้านขด และก็ มีภาพรามเกียรติ์ประกอบ ๒.วิหารซึ่งมีแบบการก่อสร้างเหมือนกับโบสถ์ แต่ว่าการตกแต่งรอบๆ ชายคากระเป๋านไม้ปรุรอบๆแล้วก็หลังคา ประดับโดยการใช้ ไม้สลักเป็นรูปพระยานาคบริเวณสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
๓.พุทธรูปนอนปางสีหนอนหลับซึ่ง เป็นพุทธรูปปูนปั้น มีความยาว ๕ เมตร ลงรักปิดทองตลอดองค์ ๔.เจดีย์ซึ่งตั้งอยู่ข้างหลังโบสถ์ เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำรูป ๘ เหลี่ยม มีประพุทธปฏิมากรอยู่ ๔ ด้าน “วัดพระนอนเมื่อก่อนเก่ากาล มีแต่ว่านานเนื่องมาน่าเคารพ มีประวัติสืบเล่า เขาเลื่องลือ ว่าเคยชื่อ “ม่วงคำ” จำมานาน คนรุ่นหลังรุ่นหลานยอมรับฟังไว้ ต้องภูเขามหัวใจซึ่งคุณประโยชน์มากมาย มรดกตกทอดตลอดไป อยู่คู่ชาติบ้านเมืองแพร่แม้กระนั้นนี้เถิด”
วัดเก่าแก่แพร่ วัดดังของจังหวัดที่ถูกจารึกว่าเก่าแก่ที่สุดและมีลวดลายวัดที่สวยอันดับที่4 วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร
ตั้งอยู่ถนนหนทางก้าวหน้าเมือง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ แรกเริ่มเป็นวัดราษฎร์ถัดมาในปี พุทธศักราช 2498 ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตเลื่อนฐานะวัดพระบาทมิ่งเมือง เป็นวัดหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร วัดจอมสวรรค์ แพร่
วัดพระบาทมิ่งเมืองมาจากสองวัดรวมกัน ยกตัวอย่างเช่น วัดพระบาท แล้วก็วัดมิ่งเมือง ตั้งอยู่ห่างกันเพียงแค่มีถนนหนทาง กันเพียงแค่นั้น วัดพระบาทเป็นวัดของพระยาอุปราช หรือเจ้าหอพักหน้า ส่วนวัดมิ่งเมืองเป็นวัดของกษัตริย์แพร่ เมื่อเมืองนครแพร่ถูกเลิกล้มระบบพระราชา วัดทั้งคู่ก็ถูกละทิ้งอยู่ในภาวะย่ำแย่มากมาย จนถึงแผนกกรมการจังหวัด เห็นควรรวมสองวัดเข้าด้วยกัน ให้ชื่อว่า วัดพระบาทมิ่งเมือง
วัดนี้เป็นที่ตั้งของพระพุทธโกศัยศิริชัยมหาศากยมุนี พระประจำเมืองของจังหวัดแพร่ แล้วก็ยังมีพระเจดีย์มิ่งเมือง ซึ่งเป็นเจดีย์ดั้งเดิมมีรอย รอยพระบาทเลียนแบบอยู่ข้างใน นอกเหนือจากนั้นวัดนี้ยังเป็นที่ตั้งของตึกยาขอบที่ระลึกนึกถึงเพื่อรำลึกถึง “ยาขอบ”หรือ นายโชติ ขยายพันธุ์ นักประพันธ์ผู้เสียชีวิตไปแล้วซึ่งเป็นผู้สืบสกุลเจ้านครเมืองแพร่องค์ในที่สุด
วัดเก่าแก่แพร่ วัดดังของจังหวัดที่ถูกจารึกว่าเก่าแก่ที่สุดและมีลวดลายวัดที่สวยอันดับที่5 วัดศรีบุญเรือง
วัดศรีบุญเรืองเป็นวัดโบราณที่ไม่ปรากฏว่าสร้างตั้งแต่ยุคใด และก็ผู้ใดกันแน่เป็นผู้สร้าง คาดการณ์ว่าน่าจะสร้างในสมัยก่อสร้างบ้านสร้างเมือง เป็นแก่โดยประมาณ 200 ปีขึ้นไป ผู้สร้างน่าจะเป็นเจ้าผู้ครองนครหรือบุตรหลานของเจ้าผู้ครองนครองค์ใดองค์หนึ่ง เนื่องด้วยการผลิตวัดจะต้องใช้ความรุนแรงคนแล้วก็กำลังสมบัติพัสถาน
ตามเรื่องราวได้มีการเริ่มบันทึกที่พญาแสนศรีขวาเป็นผู้บูรณปรับปรุง ลูกของพญาแสนศรีขวาเป็น พญาวิเศษชนะสงครามราชจงรักภักดี ถัดมา “แม่เจ้าคำป้อ” :ซึ่งเป็นลูกของพระยาวิเศษฯ ได้แต่งงานกับ “พระวิชัยราชา” (นามเดิมว่า ขัตำหนิ หรือเจ้าดกนขัตำหนิ) ซึ่งเป็นอย่างยิ่งสำคัญสำหรับ เพื่อการบูรณะซ่อมบำรุง และก็อุปถัมภ์วัดนี้มาตลอดอายุขัยของท่านทั้งคู่
ถ้าหากคาดการณ์การสร้างวัดศรีบุญเรืองนี้ แบ่งได้ 2 วิถีทางหมายถึงทางสถานที่ตั้งของสงฆ์ และก็วิถีทางประวัติศาสตร์ การสืบวงศ์ตระกูลของเจ้าหลวงเมืองแพร่ หลักฐานของสถานที่ตั้ง การสร้างบ้านสร้างเมืองโบราณกาล การปกครองทางเหนือจะมีกษัตริย์ หรือเจ้าหลวงดูแลในแต่ละเมือง ทำเลที่ตั้งที่ตั้งก็คือ คุ้มเจ้าหลวงจะอยู่กึ่งกลางสร้างกำแพงเมืองโอบล้อม มีทางเข้า – ออก 4 ด้าน แลนด์มาร์คแพร่
ข้างนอกกำแพงเมืองมีคูโอบล้อม ส่วนบุตรหลานผู้สืบสกุลเจ้าหลวงได้ปลูกบ้านสร้างเรือนเกลื่อนกลาดกระจัดกระจายอยู่ข้างในกำแพงเมืองนั้นเรียกว่า ในเวียง ส่วนผู้อยู่นอกกำแพงเมืองออกไปเรียกว่า นอกเวียง ภายหลังจากก่อสร้างบ้านสร้างเมืองได้ไม่นานก็เลยได้มีการสร้างวัดขึ้น
การสร้างวัดในแต่ละวัดต้องมีพื้นที่มากยิ่งกว่าการสร้างบ้านเมือง ก็เลยมีความคิดที่จะสร้างอยู่ชิดกับกำแพงเมือง ซึ่งเป็นวัดโบราณมีปริมาณ 5 วัดหมายถึงวัดหัวข่วง วัดศรีชุม (วัดศรีจุม) วัดหลวง วัดพระนอนแล้วก็วัดศรีบุญเรือง อดีตฟุตบาทรอบกำแพงเมืองข้างในจะเป็นทางเดินแค่นั้น มิได้เป็นถนนหนทางรอบเมืองดังเช่นว่าในตอนนี้ ก็เลยคาดการณ์ว่าความดั้งเดิมของสงฆ์ทั้งยัง 5 วัดนี้อาจจะมีที่มาที่ไปช้านานเท่าเทียมกัน
ในสมัยเก่าการสร้างวัดขึ้นสักที่ ต้องมีที่ดินกว้างใหญ่ การก่อสร้างก็จำเป็นต้องใช้เงินไม่ใช่น้อย ตลอดจนแรงงานคนด้วย ถ้าว่าเจ้าหลวงองค์ใดองค์หนึ่งมิได้สร้าง ก็ควรจะเป็นลูกหลานผู้สืบสายเจ้าหลวงแค่นั้นที่จะสร้างได้
บทความหวยอื่น>>> วัดเก่าแก่ ลำปาง
อ่านบทความการ์ตูน>>> มังงะ
แทงบอลออนไลน์ที่นี่>>> แทงบอล