วัดในมาเลเซีย วัดในต่างแดนของมาเลเซียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอันดับที่1 วัดเชตวัน

วัดในมาเลเซีย เมื่อ พุทธศักราช 2493 พระบาทสมเด็จพระมหาภูเขาไม่พลอดุลยเดชะมหาราช บรมทุ่งนาถบพิตรได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนก่อสร้างวัดเชตวัน ซึ่งเสด็จฯมาทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าของสงฆ์ที่นี้ด้วยท่านเอง เมื่อ พุทธศักราช 25051

วัดไทยในประเทศมาเลเซีย โดยยอดเยี่ยมในพระราชกรณียกิจระหว่างการเสด็จฯเยี่ยมมาเลเซียอย่างเป็นทางการ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชแม่พันปีหลวง นับว่าเป็นวัดไทยที่เดียวในประเทศมาเลเซีย

ที่ได้รับพระบรมราชานุญาตให้แต่งแต้มตราเครื่องหมายประจำท่านซึ่งเป็นพระปรมาภิไธยย่อ ภ.ป.ร. ไว้ที่บนช่อฟ้าของสงฆ์2 ปัจจุบันนี้วัดเชตวันมีขนาดใหญ่กว่าเดิม 3 เท่าจากเมื่อแรกสร้าง โดยพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระขอความกรุณาสำหรับการเพิ่มเติมวัด3

สถาปัตยกรรมในวัดมีลักษณะเป็นศิลป์ไทย มีการสร้างเจดีย์ขึ้นเมื่อ พุทธศักราช 2552 สร้างเสร็จเมื่อ พุทธศักราช 25554 มีพุทธรูปต่างๆมีเจ้าแม่กวนอิม มีการตั้งขึ้นศูนย์ศาสนาพุทธข้างในวัด 

 

วัดในมาเลเซีย

 

วัดในมาเลเซีย วัดในต่างแดนของมาเลเซียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอันดับที่2 วัดไชยมังคลาราม

มีชื่อเดิมว่า วัดปูเลาตีกุซ หรือ วัดโหละตำหนิโกย เป็นวัดไทยแห่งหนึ่งบประมาณ ถนนหนทางเกอลาไว ตำบลปูเลาตีกุซในเมืองจอร์จทาวน์ รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับวัดประเทศพม่าธรรมิการาม

ซึ่งเป็นวัดเมียนมาร์ที่มีชื่อของรัฐปีนัง5 นับว่าเป็นศาสนสถานของชาวประเทศไทย ที่ดั้งเดิมที่สุดในเกาะปีนัง โดยวัดนี้มีความเด่นจากการ จัดงานขนบธรรมเนียมอย่างไทย ดังเช่นว่า วันสงกรานต์และประเพณีลอยกระทง และมีการแห่ขบวนแห่แหนตามถนนในวันวิสาขบูชาในทุกปี

วัดไชยมังคลาราม เป็นวัดไทยที่มีชื่อบนเกาะปีนัง ข้างในโบสถ์มีพระนอนยาวที่สุด ในประเทศมาเลเซีย โดยมีความยาว 108 ฟุต สร้างเมื่อปี พุทธศักราช 2500 โดยมีชื่อว่าพระพุทธชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้พระราชทานนามให้ในคราว เสด็จเดินทางตอนวันที่ 25 เดือนมิถุนายน พุทธศักราช 2505

วัดไชยมังคลารามเป็นวัดโบราณ สร้างในปี พุทธศักราช 2388 สร้างโดยบริษัทประเทศอินเดียทิศตะวันออก (East India Company) ซึ่งเป็นบริษัทกิจการค้าของอังกฤษในนามของสมเด็จพระราชินีที่นาถวิกตอเรีย

ศิลป์ของสงฆ์ไชยมังคลาราม นั้นเป็นการประสมประสาน ระหว่างศิลป์ไทย ประเทศพม่า แล้วก็จีนเข้าด้วยกัน ซึ่งทำให้วัดที่นี้มีชีวิตชีวาสะดุดตา มองแปลกไปจากวัดในประเทศไทย ที่เน้นย้ำศิลป์ที่งอนงาม แต่ว่าศิลป์ของสงฆ์ที่นี้จะเป็นแบบเรียบ ไม่มีการแกะสลัก ทำลวดลายให้มองงดงามมากเท่าไรนัก

ทุกๆวันนี้บนเกาะปีนังก็มีชาวไทย ที่สืบทอดจากคนสมัยเก่าอาศัยอยู่ เป็นปริมาณหนึ่ง แล้วก็มวลชนโดยมากในรัฐปีนัง เป็นคนเชื้อสายจีนที่เข้ามาค้าขาย และก็เชื่อในศาสนาพุทธ ทำให้เกาะปีนังมีวัดไทยที่เป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนิกชน มีกิจกรรมทางศาสนาในวันสำคัญ

 

วัดในมาเลเซียวัดในต่างแดนของมาเลเซียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอันดับที่3 วัดมัชฌิมาราม

เป็นวัดไทยขึ้นตรงต่อคณะสงฆ์ข้างมหานิกาย ตั้งอยู่ในบ้านยุงเกา อำเภอเหม็นตุมปัต เมืองกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันนี้มีพระครูเทศผู้รักษากฎหมาย เป็นเจ้าอาวาสรวมทั้งหัวหน้าคณะสงฆ์อำเภอตุๆมปัต เขต 2

วัดมัชฌิมาราม เดิมเรียกว่า วัดกึ่งกลาง เนื่องจากอยู่ท่ามกลางวัดอื่นๆคาดการณ์ว่าสร้างขึ้นราวๆ 400 ปีเศษ กระทรวงการท่องเที่ยวมาเลเซีย จัดให้เป็นสถานที่เที่ยว 1 ใน 4 วัดในเมืองกลันตัน กระทรวงมรดกแล้วก็วัฒนธรรมมาเลเซียประกาศให้เป็นมรดกแห่งชาติเป็น พระพุทธบารมีธรรมสว่างโลก วัดยังเป็นที่ตั้งของมูลนิธิรวมทั้งศูนย์การสอนภาษาไทย ศาสนาพุทธแล้วก็วัฒนธรรม

สถาปัตยกรรมแล้วก็ศิลป์ในวัดมีความมากมายหลากหลาย ประสมประสานกัน ทั้งยังศิลปะจีน ศิลป์แบบไทย รวมทั้งศิลป์แบบตะวันตก คุณลักษณะเด่นของสงฆ์หมายถึงพุทธรูปขนาดใหญ่ที่โล่งแจ้งประทับบนดอกบัว มีความสูงถึง 30 เมตร ความกว้าง 47 เมตร ใช้เวลาสร้าง 10 ปี

โดยช่างฝีมือจากเมืองไทย เสร็จสิ้นเมื่อ พุทธศักราช 2543 พุทธรูปองค์นี้ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์ ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระมหาภูเขาไม่พลอดุลยเดชะมหาราช บรมที่นาถบพิตร ว่า พระพุทธบารมีธรรมสว่างโลก อันแปลว่า “รูปลักษณ์ของพระพุทธที่ส่งแสงแจ้งรวมทั้งมีความรู้” โบสถ์ของสงฆ์ทำเป็นช่องโค้งรับหลังคาพะไลแทนเสา ข้างในโบสถ์มีภาพพุทธประวัติ วัดบุปผาราม ปีนัง

 

วัดในมาเลเซีย

 

วัดในมาเลเซียวัดในต่างแดนของมาเลเซียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอันดับที่4 วัดกูบังตีกา

วัดในปีนัง เดิมพื้นที่ยังไม่เป็นวัดที่แน่ๆ เป็นเพียงแค่บ้านพักพระสงฆ์รอบๆ หมู่บ้านกูบังตีกา อาศัย ถ้ำ เทือกเขา เหมาะสมแก่การพำนักของสงฆ์เพียงแค่นั้น ถัดมา มีราษฎรบริจาคพื้นที่ ด้านหลังบ้านกูบังตีกา ต่อจากเทือกเขาหัวล้านไป 3 ลูก ได้รับบริจาคที่ โดยประมาณ 16 ไร่ จากประชาชนกูบังตีกา เดี๋ยวนี้ซื้อเพิ่มอีก 4 ไร่

ครูใบฎีกาสังสรรค์ อท้องนาวิโล(พระอาจารย์ทิ่น)เป็นผู้จัดตั้งวัดเมื่อ วันที่ 19 เดือนเมษายน พุทธศักราช2504 เวลา 04:20 น. ตรงกับวันอังคาร ขึ้น 4 เย็น เดือน 6 ปีวัว แล้วก็มาจำพรรษาระหว่างพุทธศักราช 2504 – 2513 ท่านได้ปรับแต่งภูมิทัศน์ป่า สร้างกุฎีพอใช้ได้อาศัย พระครูวิพิพิธพัฒนกิจเพราะ (พระอาจารย์บุญถัน)มาจำพรรษา พ.ศ 2514-2535 สร้างศาลาโรงธรรม หอพักฉันซึ่งประกอบไปด้วย บ้านพักพระสงฆ์ก่อด้วยปูน

ในปี 2536 พระอาจารย์ถัน ได้ขอตัวพระนิสิตมาปฏิบัติ ศาสนกิจจากมหาวิทยาลัย มหามกุฏราชวิทยาลัย ก็เลยมีพระเดินทางมา 2 รูปเป็น พระมหาเหรียญ โชติทินโน และก็พระมหาเสมอ ท่านทั้งคู่ได้ปฏิบัติภารกิจ สอนหนังสือ และก็บวชเณร อยู่กระทั่งครบ 1 ปี เมื่อจบช่วงเวลาปฏิบัติศาสนกิจ ก็เลยเดินกลับไปรับปริญญา ในปี พุทธศักราช 2537 ขอพระมาปฏิบัติศาสนกิจต่อ ซึ่งมี พระมหาสินชัย สิกขาสโภ รวมทั้งพระมหาอาทิตย์

มาปฏิบัติหน้าที่สอนหนังสือ อบรมเยาวชน ตอนปี พุทธศักราช 2538 -2540 ขาดพระอยู่ถาวร มีเพียงแต่พระแวะมา อาศัยชั่วครั้งชั่วคราว แล้วเดินทางไป ทำให้มีอาการชาวบ้านขาด พระประกอบ พิธีบาปทางศาสนา ก็เลยรวมตัวกันเข้าเรียนรวมทั้ งขอคำแนะนำพระเทพมงคลญาณ เจ้าอาวาสวัดบุญญาราม หัวหน้าคณะสงฆ์เมืองเคดาห์-เปอร์ลิส ขอพระมาอยู่จำพรรษาอย่างยั่งยืน ท่านมอบหมายให้พระมหาสินชัย สิกขาสโภ ซึ่งเคยจำพรรษารวมทั้งปฏิบัติศาสนกิจอยู่

จากกัวลาลัมเปอร์ ให้มารักษาการเจ้าอาวาสวัดกูบังตีกา ปี พ.ศ 2541 พระมหาสินชัย ก็เลยมาปฏิบัติหน้าที่รักษา การเจ้าอาวาสตามคำสั่ง พระเทพมงคลญาณเจ้าอาวาส วัดบุญญาราม หัวหน้าคณะสงฆ์เมืองเคดาห์-เปอร์ลิสซึ่งขณะนั้นวัดกูบังตีกา เป็นป่าเกลื่อนกลาด เป็นวัดร้าง เมื่อเดินทางมาอยู่ ก็เลยเริ่มมีพระมาพักอาศัยจำพรรษา 5 รูป แล้วก็ได้เริ่มปรับปรุง เปลี่ยนแปลง เสนาสนะ ซื้อที่ดินเสริมเติม 4 ไร่ สร้างวิหารรูปเสมือนหลวงพ่อแก้วสุวรรณ โบสถ์ วิหารพระเทพมงคลญาณ ติดตีนเขาทางทิศตะวันออกของสงฆ์

 

วัดในมาเลเซียวัดในต่างแดนของมาเลเซียที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอันดับที่5 วัดอุตตมาราม

สร้างเมื่อ พุทธศักราช 2409 เวลาที่กลันตันเป็นอาณานิคมของไทย ตรงกับยุคพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ชุมชนชาวไทยในหมู่บ้านบางแซะ นั้นมีต้นเหตุมาจากการ อพยพโยกย้าย มาจากบ้านโคนเป็ง

เมื่อเริ่มสร้างชุมชน ก็เลยสร้างวัดขึ้น ชื่อบางแซะมาจากลักษณะพื้นที่ คำว่า แซะเป็นการแซะของน้ำ เป็นหลักที่ที่มีน้ำไหลแซะผ่าน มีแม่น้ำสุไหงเลอมาลไหลผ่าน เดี๋ยวนี้วัดมีที่ดิน 2 ผืน ผืนหนึ่งเป็นที่ตั้งวัด มีพื้นที่ 10 เอเคอร์ อีกผืนอยู่ที่หมู่บ้านโคนเป็ง มีพื้นที่ราวๆ 5 เอเคอร์ เป็นหลักที่ปลูกยางพารา

วัดอุตตมารามมีชื่อมากมาย เหตุเพราะมีหัวหน้าคณะสงฆ์ เมืองกลันตันต่อเนื่องกันถึง 3 รูป โดยหลวงพ่อครน ปุณณสุวัณโณ นับว่าเป็นพระเกจิเพียงแต่ รูปเดียวที่อยู่เมืองนอก ท่านมีคำพูดสิทธิ์เป็น ที่เคารพนับถือรวมทั้ง กลัวเกรงอีกทั้งพุทธศาสนิกชนศาสนิกชน วัดไชยมังคลาราม อยู่ที่ไหน

แล้วก็คนมุสลิม คนประเทศสิงคโปร์แล้วก็มาเลเซีย มักเรียกท่านว่า โต๊ะรายา ซึ่งสื่อความหมายเสมอกันสังฆราช วัตถุบูชาของท่านนั้น เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และก็เป็นนิยมอย่างยิ่ง ในวงการนักนิยมสะสม พระเครื่องลางของชาวพุทธ อีกทั้งคนไทย ประเทศสิงคโปร์ รวมทั้งมาเลเซีย โดยยิ่งไปกว่านั้นพระปิดตา

 

วัดในมาเลเซีย

 

ตึกรวมทั้งเสนาสนะของสงฆ์อาทิเช่น โบสถ์ทรงจัตุรมุขเริ่มลงเสาเข็ม พุทธศักราช 24953 มียอดอย่างพระราชวังในตอนท้ายพุทธศักราชที่ 25 กุฏิเจ้าอาวาส ศาลาการเปรียญ ข้างบนเป็นกุฏิ ด้านล่างเป็นห้องหนังสือ วิหาร กุฏิแม่ชี รวมทั้งสถานที่เรียนสอนภาษาไทยวัดอุตตมาราม หอพักพรหม และก็หอระฆัง ฯลฯ

บทความหวยอื่น>>>วัดในศรีลังกา

อ่านบทความการ์ตูน>>> มังงะ

แทงบอลออนไลน์ที่นี่>>> คาสิโนออนไลน์